เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือ “จ่าคิงส์ สะพานใหม่” พา น.ส.ศิวณัฐฎ วงศ์สุวรรณ อายุ 48 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ประเทศมาเลเซีย เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน หลังถูกฉ้อโกงซ้ำซ้อนสูญเงินกว่า 6 ล้านบาท
โดย น.ส.ศิวณัฐฎ เปิดเผยว่า เมื่อปี 62 ตนถูกฉ้อโกงจากหมอเถื่อน หลอกให้ลงทุนเป็นจำนวนเงินเกือบ 6 ล้านบาท และได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 66 ซึ่งปัจจุบันหมอเถื่อนคนนี้ถูกตำรวจ บก.ปคบ. จับกุมในคดีอื่นไปแล้วเมื่อช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีการจับกุมหมอเถื่อน ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นแม่ค้าแบรนด์เนมติดต่อมา อ้างว่ารู้จักกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ ผกก. สามารถช่วยเหลือให้คดีมีความคืบหน้าได้ แต่ต้องมีค่าดำเนินการเป็นเงิน 50,000 บาท แต่พอโอนไปแล้วคดีก็ไม่มีความคืบหน้า พอทวงถามไปจึงทราบว่าถูกหลอก แต่ก็ไม่กล้าเข้าแจ้งความ เพราะอีกฝั่งมีข้อมูลทุกอย่าง เกรงว่าจะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปบอกกับผู้ต้องหาที่เป็นหมอเถื่อน
กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 4-5 เดือน มีหญิงสาวที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมเดียวกันที่ประเทศมาเลเซียติดต่อมา โดยอ้างว่าเป็นลูกสาวของตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ ผกก. พื้นที่ จ.ชลบุรี และมีพี่สาวเป็นทนายความ ซึ่งสามารถช่วยเหลือคดีได้ แต่มีค่าดำเนินการ 150,000 บาท เป็นค่าเคลียร์ตำรวจ ส่วนอีก 350,000 บาท เป็นค่าใต้โต๊ะให้อัยการรับเรื่อง และมีค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 20,000 บาท ซึ่งตนก็ได้โอนเงินไปทั้งหมด 520,000 บาท โดยเงินเหล่านี้เป็นการกู้ยืมคนอื่นมา
หลังจากที่ตนโอนเงินไป นายตำรวจระดับ ผกก.คนดังกล่าว ได้ไปดูสำนวนจริง พร้อมกับบอกว่าสำนวนค่อนข้างอ่อน สู้คดีไปก็ไม่ชนะ จึงขอให้ตนเดินทางมาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ภายในห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็มีการนั่งทำสำนวนและสอบปากคำกันนานกว่า 10 ชั่วโมง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
กระทั่งทราบว่าตัวคู่กรณีของตนถูกจับกุมในคดีอื่น จึงมีการทวงถามความคืบหน้าจากทางหญิงสาว แต่ได้รับการยืนยันว่าอัยการรับเรื่องแล้ว แต่เมื่อตนเช็กกับทางตำรวจ สภ.หาดใหญ่ กลับแจ้งว่ายังไม่ได้ส่งสำนวนให้อัยการ จึงสอบถามไปยังพ่อของหญิงสาวที่เป็นตำรวจ แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่า ไม่รู้เห็นเป็นใจเกี่ยวกับการรับเงิน ก่อนหน้านี้ที่ลงไปทำสำนวนให้ ก็ไปด้วยใจเท่านั้น วันนี้ตนจึงมาทวงความยุติธรรมที่เคยถูกฉ้อโกง รวมทั้งจะแจ้งความเอาผิดที่ถูกหลอกให้โอนเงินเคลียร์คดีอีกด้วย
“ขณะนี้ตนเดือดร้อนหนัก ไม่อยากมีชีวิตอยู่ เนื่องจากลูกชายคนเดียวป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอีกด้วย” น.ส.ศิวณัฐฎ กล่าว.