เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่บ้านหนองสี่แจ่ง ต.หนองแฝก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังมีชาวบ้านจำนวนหลายหลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคเหนือ โดยหนึ่งในชาวบ้านหนองสี่แจ่ง เผยว่า ตนและชาวบ้านอีกราว 400-500 หลังคาเรือนในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ก้นกระทะ และแอ่งรับน้ำ ต้องเผชิญกับความทุกข์จากสถานการณ์น้ำท่วมต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. รวมระยะเวลาแล้วกว่า 15 วัน นับเป็นการประสบเหตุการณ์น้ำท่วมที่สาหัสที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะน้ำท่วมในระลอกที่ 2 ท่วมมานานกว่า 5 วันแล้ว และส่งกลิ่นเน่าเหม็นอย่างหนัก จากการท่วมขังมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันแม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะเดอะมอลล์ กรุ๊ป ในการนำอาหารเข้ามาส่ง รวมถึงบริจาคเงินอย่างต่อเนื่อง แต่ยังได้รับผลกระทบอีกหลายด้าน ชาวบ้านหลายคนไม่สามารถนอนในบ้านตามปกติ
ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ตนและชาวบ้านอีกหลายครอบครัวตัดสินใจไม่ออกไปจากพื้นที่น้ำท่วม เนื่องจากรักบ้าน และเป็นห่วงคนในครอบครัว อย่างตัวเองซึ่งอายุกว่า 78 ปี มีน้องสาวอายุ 76 ปี 1 คน และน้องชายอายุ 75 ปี อีก 1 คน รวมถึงหลาน ๆ รวมแล้วกว่า 10 ชีวิต รู้สึกทำใจไม่ได้ที่ต้องออกไปจากพื้นที่น้ำท่วมแล้วทิ้งครอบครัว ทิ้งบ้านเอาไว้ แม้ว่าสามารถออกไปได้ ก็คงกินไม่ได้ นอนไม่หลับ
ที่ผ่านมาก็สูญเสียเต่าที่รักมากไปแล้ว 1 ตัว เป็นเต่าที่เลี้ยงมานานกว่า 17 ปี สามีเลี้ยงไว้ตั้งแต่ก่อนเสียชีวิต เป็นเต่าซูลคาต้ายักษ์ น้ำหนัก 100 กว่ากิโลกรัม ที่ไม่สามารถพาหนีทันน้ำท่วมได้ นอกจากนี้ ยังมีต้นไม้ที่แม่ปลูกทิ้งไว้ล้มตายไปแล้วหลายต้น พูดตามตรงว่าเป็นเรื่องเกินรับไหว เพราะหลาย ๆ อย่างมันเป็นสิ่งที่คุณค่าทางใจ ถามตัวเองทุกวันว่าทำไมตัวเองและครอบครัวต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ และอยากให้ทุกอย่างผ่านไปให้เร็ว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนพยายามติดตามสถานการณ์น้ำท่วมตลอด และได้เห็นจากข่าวว่า บางพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ น้ำเริ่มลดลงบางแล้ว และสามารถรองรับน้ำเพิ่มเติมได้ จึงอยากขอให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือ ด้วยการสูบน้ำไปยังพื้นที่ที่สามารถรองรับน้ำได้ นำน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด เพราะทั้งตนและชาวบ้านอีกหลายครอบครัว ไม่สามารถรับกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อีกต่อไป