นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และการจัดระเบียบแพ โดยกรมเจ้าท่าร่วมกับ จ.กาญจนบุรี ดำเนินการดังนี้ 1.จัดระเบียบแพจำนวน 60 หลัง ที่จอดบริเวณท่าน้ำหน้าเมืองไปจอด ณ จุดจอดแห่งใหม่ จำนวน 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 จำนวน 20 หลัง อยู่บริเวณคลองบึงบัว ปัจจุบันได้ย้ายแพเข้าไปจอดแล้ว จุดที่ 2 จำนวน 30 หลัง เตรียมย้ายไปจุดจอดหน้าท่าเทียบเรือ (พื้นที่ตั้งทัพรับศึก บ้านลิ้นช้าง) อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ ส่วนแพที่เหลืออีก 10 หลัง อยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ 

2.ดำเนินการย้ายผู้อยู่อาศัยที่ปลูกสร้างที่อยู่รุกล้ำลำน้ำจำนวน 60 ราย ไปยังที่ใหม่บริเวณเกาะรัตนกาญจน์ ซึ่งทางจังหวัดได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมายอีก 13 หลัง และ 3.ก่อสร้างท่าเทียบแพแห่งใหม่ บริเวณเกาะรัตนกาญจน์ พร้อมสถานที่จอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว ขณะนี้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย และเมื่อเคลื่อนย้ายแพทั้งหมดออกจากบริเวณท่าน้ำหน้าเมือง จะสามารถเปิดให้บริการได้ คาดว่าภายในเดือน ธ.ค.64 

จากนั้นได้ติดตามการขุดลอกจุดจอดแพแห่งใหม่ทั้ง 2 จุด เพื่อรองรับการปรับปรุงภูมิทัศน์เขื่อนหน้าเมืองดังนี้ 1.คลองบ้านยางและบึงบัว หมู่ 1 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง สามารถรองรับแพได้ 20 หลัง แต่เนื่องจากสภาพคลองและบึงมีความตื้นเขิน จึงจำเป็นต้องดำเนินการขุดลอกระยะทางรวม 2,400 เมตร ปริมาณดินขุด 448,773 ลูกบาศก์เมตร อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.64 ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการจอดแพ จึงได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายแพจากบริเวณท่าน้ำหน้าเมือง 20 หลัง เข้ามาจอดในพื้นที่แล้ว 

2.พื้นที่ตั้งทัพรับศึก บ้านลิ้นช้าง หมู่ 1 ต.ปากแพรก อ.เมือง รองรับแพได้ 30 หลัง อยู่ระหว่างก่อสร้างเขื่อนกันน้ำเซาะและท่าเทียบเรือ รวมทั้งขุดลอกสันดอนกลางน้ำระยะทาง 1,200 เมตร ปริมาณดินขุด 328,686 ลูกบาศก์เมตร ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 40% คาดว่าแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ธ.ค.64 ทั้งนี้มอบหมายให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี เร่งจัดระเบียบแพและปรับปรุงภูมิทัศน์ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.64 เพื่อรองรับการเปิดประเทศ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องที่ และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดียิ่งขึ้น