เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง ผกก.ป. ปฏิบัติราชการแทน ผกก.สภ.บางละมุง พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รอง ผกก.สส. นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 20 นาย เข้าปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาเป็นชาย 4 ราย พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ตัดเหล็ก เครื่องมือช่าง และรถกระบะ 1 คันที่ใช้ก่อเหตุลักทรัพย์เครื่องจักรขนาดใหญ่ บริเวณหลังโรงงานรับซื้อของเก่าในต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
สอบสวน 1 ในผู้ต้องหา ให้การว่า ได้รับคำสั่งจากนายจ้างให้เข้ามาขนเศษเหล็กซึ่งมีการตัดทิ้งไว้รอแล้ว เพื่อนำไปขายที่โรงรับซื้อของเก่าในพื้นที่จ.ระยอง ส่วนคนที่ว่าจ้างไม่เคยเจอหน้า โดยจะรับคำสั่งการผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งจะเรียกผู้สั่งการว่า “ผู้กอง” ก่อนถูกจับกุมได้รับคำสั่งให้มาขนของแต่ยังไม่ทันได้เคลื่อนย้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่บุกจับกุมดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร”
ล่าสุด พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง ผกก.ป. ปฏิบัติราชการแทน ผกก.สภ.บางละมุง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สำรวจความเสียหายอีกครั้งพร้อมกับเจ้าของโรงงาน โดยพบว่า โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานรับซื้อของเก่าและรีไซเคิล มีเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ บริเวณด้านหลังโรงงานพบซากรถ 10 ล้อ, รถแบ็กโฮ, รถยนต์, รถเครื่องจักร (jcb ขุดหน้าตักหลัง) จอดเรียงรายหลาย 10 คัน ซึ่งรถทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นรถที่รอการซ่อมบำรุง
เบื้องต้นพบว่ารถแต่ละคันถูกตัดเพลา ยกหม้อน้ำ ตัดถังน้ำมันจนหมดเกือบทุกคัน นอกจากนี้ยังพบว่ามีร่องรอยการตัดเหล็กบริเวณด้านหน้ารถเจซีบี (รถขุดหน้าตักหลัง) ได้รับความเสียหาย และบริเวณเสาไฟข้างโรงงานซึ่งติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ถูกคนร้ายตัดสายไฟและยกหม้อแปลง ขนาด 250 กิโลโวลต์หายไป อีกทั้งยังพบว่ากำแพงของโรงงานสูงเกือบ 5 เมตร ถูกคนร้ายทุบกำแพงเปิดช่องเพื่อเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ทั้งแผง 1 ช่อง และทุบเป็นช่องรูขนาดคนมุดเข้าไปได้ 2 ช่อง
หัวหน้าคนงาน ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้โรงงานถูกคนร้ายเข้ามาขโมยของบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหนาสาหัสเพราะคนร้ายก่อเหตุมีการทุบกำแพงแล้วเข้ามาขนรถบดสะเทือน มูลค่า 3 ล้านบาท หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ อะไหล่เครื่องจักร และอะไหล่รถบรรทุก 10 ล้อ รวมถึงท่อนเหล็กน้ำหลักหลาย 10 ตัน ได้หายไป รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ทางเจ้าของโรงงานจึงให้ตนเองและพนักงานมาเฝ้าดูจนกระทั่งพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ย้อนกลับมาขนของอีกครั้ง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว ส่วนรถบดและหม้อแปลงที่ถูกขนย้ายไปก่อนหน้านี้เชื่อว่าต้องใช้คนจำนวนมากรวมถึงรถที่มาขนย้ายต้องเป็นรถเครนมาขนไป และเชื่อว่าต้องทำเป็นขบวนการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบปรากฏว่ามีรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน ขับเข้ามาภายในไร่มันสำปะหลัง โดยคันแรกบรรทุกถังแก๊ซ ที่ใช้ในการตัดเหล็กมาเต็มคันรถ คนขับรถได้เปิดประตูลงมาแสดงตัวอ้างว่าเป็นเจ้าของไร่มัน และต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามาทำให้ไร่มันสำปะหลังเสียหาย ขณะที่รถอีกคันที่ตามหลังมาได้จอดรถมีชายฉกรรจ์ 4-5 คนลงมาจากรถและมีท่าทีตกใจ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยอมรับว่า ขับตามรถคันแรกมาเพราะได้รับว่าจ้างให้มาตัดเหล็กเครื่องจักรขนาดใหญ่ โดยเดินทางมาจาก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พร้อมยืนว่า รถคันแรกเป็นคนขับนำทางมายังสถานที่ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กดดันเค้นถามคนขับรถคันแรก เป็นชายอายุ 51 ปี ก่อนจะยอมรับว่าเป็นช่างขุดเจาะบาดาล ได้รับคำสั่งให้พาทีมผู้รับเหมาตัดเหล็กเข้ามาตัดของเก่าในพื้นที่ดังกล่าว โดยช่วงสายวันนี้ยังสามารถติดต่อคนสั่งงานได้อยู่ แต่พอมาถึงโรงงานที่นัดหมายกับติดต่อปลายสายไม่ได้ พยายามโทรเป็น 10 สายก็ไม่ยอมรับสายอีกเลย โดยปลายสายรายนี้รู้เพียงว่าเป็นตำรวจ ยศผู้กอง หรือ ร.ต.อ. พร้อมยืนยันว่า ตนเองทำตามคำสั่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างละเอียด ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าระดับสั่งการเป็นตำรวจยศ ร.ต.อ. จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นตำรวจจริงอยู่ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุแก๊งนี้จะก่อเหตุมาแล้วหลายพื้นที่โดยจะได้ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป.