เมื่อวันที่ 10 ต.ค.นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความพุทธะอิสระได้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ ม.49 บุคคลจะใช้สิทธิเสรีภาพกระทำการขัดต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มีการกระทำขัด ม.49 คาดว่า จะมีการยื่นยุบพรรคเพื่อไทยต่อไป

พรรคเพื่อไทยก็เอาคืน โดย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ ตรวจสอบการเดินทางไปต่างประเทศของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรค
พปชร. 3 ครั้ง เพราะมีข้อมูลและหลักฐานพบ พล.อ.ประวิตร น่าจะกินหรู อยู่สบาย จะเข้าข่ายการรับทรัพย์เกินกว่า 3,000 บาท หรือไม่

“ขอให้ ป.ป.ช. ทำหนังสือเรียกหลักฐาน จากทีมบริหารของฝ่าย MJET และ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อนำข้อมูลมาประกอบเป็นหลักฐาน ที่มายื่นวันนี้ เพราะรอเอกสารจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่เพิ่งส่งมาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งหาก ป.ป.ช.ตรวจเรื่องนี้ได้ ช็อคโลกแน่นอน หลังจากนี้

เตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินของ นายธีรยุทธ รับเงินหรือใบสั่งจากใคร และจะไปยื่นเอาผิดจริยธรรมของ พล.อ.ประวิตร ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 16 ต.ค. เพราะการที่ พล.อ.ประวิตร คืนเงินประจำตำแหน่ง
สส.ในทางกฎหมายการคืนเงินไม่ได้บรรเทาโทษ”

นายพร้อมพงศ์ยังแฉอีกว่า เมื่อวันที่ 2-3 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ลาประชุมอีก และครั้งนี้ไม่ได้ไปคนเดียว แต่โดดประชุมเกือบทั้งพรรค เพื่อไปทำบุญที่ภาคอีสาน โดยใช้วันที่ สส.ต้องปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนจะตรวจสอบว่าใช้เที่ยวบินใดในการเดินทาง และเสียค่าใช้จ่ายอย่างไร เพราะถือเป็นภารกิจส่วนตัว จะเบิกค่าใช้จ่ายจากภาษีของประชาชนไม่ได้

*มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ในการไปต่างประเทศของ พล.อ.ประวิตรช่วง ก.ค.และ ส.ค. ไปร่วมพิธีโอลิมปิกที่ปารีส ฝรั่งเศสหรือไม่ โอลิมปิกแข่งวันที่ 26 ก.ค.-11 ส.ค. พล.อ.ประวิตรเป็นประธานกรรมการโอลิมปิกสากลของไทย ( IOC )

ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ ​และ รมว.คมนาคม กล่าวว่า สำหรับคำร้องดังกล่าว พรรคเพื่อไทยสามารถตอบได้ทุกประเด็นไม่มีปัญหา มั่นใจว่าไม่เหมือนกรณีพรรคก้าวไกลถูกยุบ ได้อ่านคร่าวๆแล้ว และคิดว่าสิ่งที่ยื่นมานั้นเลอะเทอะมาก และพรรคเพื่อไทยจะไม่ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแก้ต่างคดีนี้ 

นายชูศักดิ์​ ศิริ​นิล​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในคำร้องพยายามบรรยายให้เข้าเกณฑ์คำวินิจฉัยของพรรคก้าวไกล ว่าเป็นการกัดเซาะบ่อนทำลาย ซึ่งมันไกลกว่าเหตุมาก หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ตนก็ยินดีจะชี้แจง จะตั้งคณะทำงานชี้แจงเนื่องจากเกี่ยวข้องมาถึงพรรคข้อหนึ่งในคำร้องระบุว่านายทักษิณอยู่เบื้องหลังเบื้องในการเอาพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.)ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มันก็เป็นเรื่องการเมือง มีเบื้องหลังอยู่แล้ว

เรามักจะได้ยินเรื่องอาคารสัปปายะสภาสถาน หรือที่เรียกว่า “สภาหมื่นล้าน” มีปัญหาเรื่องน้ำรั่ว น้ำซึมบ่อยๆ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.เกิดเหตุฝนตกหนักจนน้ำท่วมนองพื้นที่บางส่วนของตัวอาคาร วันที่ 11 ต.ค. ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์  สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ รองเลขาฯ ในฐานะกำกับดูแลอาคารสถานที่ของอาคารรัฐสภา นำคณะสื่อมวลชนตรวจสอบบริเวณ ชั้น 8 ของอาคารรัฐสภา ที่มีข่าวว่าเกิดน้ำรั่วหลังฝนตกหนักเมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 ต.ค. จนทำให้โซฟาเสียหาย

นายสาธิต  กล่าวว่า อาคารมีจุดรองรับน้ำตั้งแต่ชั้น 11 มีสระมรกตรับน้ำ หากมีน้ำปริมาณมากจะไหลลงมาที่ตะแกรงระบายน้ำทิ้ง หรือ floor drain  จะระบายน้ำจากสระมรกตมาชั้น 8  ไปที่ ชั้น 7  และบริเวณชั้น 8 ยังมีปั๊มน้ำอยู่ 3 ตัวที่สามารถปั๊มน้ำเพื่อระบายออกนอกอาคารได้ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. มีฝนตกลงมากะทันหันในขณะที่เป็นเวลาเลิกงานแล้ว ข้าราชการเดินทางออกไปหมด ทำให้ปริมาณน้ำฝนล้นสระมรกต แล้วเข้ามาที่แทงค์น้ำ ชั้น 8 แต่ไม่ได้มีการระบายน้ำออกไปข้างนอก น้ำจึงลงไปชั้น 4 ไม่ได้เกิดจากอาคารรั่ว

“ตอนนี้มีมาตรการป้องกันแล้วโดยในช่วงฤดูฝนจะเปิดจุดระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่ถูกกักไว้ระบายออกไป เหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ไม่ใช่น้ำรั่วแต่เกิดจากระบบน้ำ เราผิดพลาดเอง ที่ไม่ได้เปิดจุดระบายน้ำให้น้ำระบายไหลออกไป ยืนยันว่า โครงสร้างของอาคารรัฐสภาไม่ได้มีปัญหา แต่เป็นปัญหาของระบบที่ทางแบบเขามีมา” นายสาธิต กล่าว

ส่วนกรณีที่นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ชี้เป้ามีฝ้าถล่มที่บริเวณ ชั้น B2 ของอาคารรัฐสภา นายสาธิต  กล่าวว่า ห้อง B2 เป็นห้องที่ไม่เคยใช้งาน แต่เปิดแอร์ไว้ตลอดเวลาเนื่องจากเป็นแอร์รวม ทำให้เกิดการสะสมความชื้น ไม่ได้เปิดประตูระบายอากาศ ฝ้าจึงถล่มลงมา ต่อไปห้องไหนที่ไม่ได้ใช้จะต้องเปิดประตูให้ระบายความชื้น ปัญหาไม่ใช่ฝ้าถล่ม แต่เกิดจากการที่เราไม่ได้ดูแลรักษาเอง

“ที่ผ่านมายังไม่มีการเซ็นรับมอบอาคารรัฐสภา และหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบทั่วทั้งอาคารรัฐสภาว่ามีจุดใดที่มีปัญหา เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน 2 ปีและจะหมดอายุในปี 2569 โดยบริษัท  ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด  เป็นผู้รับผิดชอบ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้ตั้ง กก.ตรวจสอบ เพื่อพิจารณาของงบประมาณปี 2569  เป็นงบประมาณซ่อมแซมทั้งอาคาร รวมถึงเสาด้านหน้าอาคาร ที่ปัจจุบันเมื่อมองจากภายนอกเข้ามาจะไม่สวยงาม เนื่องจากเป็นสีไม้ธรรมชาติ นายพิเชษฐ์จึงอยากให้ทาสี”นายสาธิต กล่าว

คิดว่า หลายคนคงมีคำถามเกี่ยวกับการซ่อมแซมอาคารอยู่ไม่รู้แล้ว และรอดูเรื่องการตรวจรับ ว่า อาคารรัฐสภาจุดไหนจะมีปัญหาที่ทำให้ฝ่ายเลขาธิการสภา ไม่สามารถตรวจรับได้บ้างหรือไม่

สำหรับภารกิจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายกฯ หารือทวิภาคีกับนายคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์  ก่อนการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกครั้งที่ 19  จากนั้น เวลา 11.50 น. นายกรัฐมนตรีพบหารือทวิภาคีกับกับนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย ในการนี้ นายแอนโทนี่ ได้แสดงความชื่นชม “หมูเด้ง”ลูกฮิปโปแคระชื่อดัง ที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว   เวลา 12.30 น. พบหารือแบบแบบทวิภาคีกับนายนเรนทร โมที นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย

ในช่วงบ่าย เวลา 15.00 น.  นายกฯ จะร่วมพิธีปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง และพิธีส่งมอบตําแหน่งประธานอาเซียน ของ สปป. ลาวแก่มาเลเซีย ก่อนเดินทางกลับเมืองไทย

“ผู้นำจากหลายประเทศต่างแสดงความประทับใจ และมั่นใจว่าไทยจะกลับมามีบทบาทนำในเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมถึงศักยภาพของไทย ที่จะช่วยผลักดัน การค้า-การลงทุน การท่องเที่ยว รวมถึงการส่งเสริมสันติภาพและความสงบสุข โดยเชื่อมั่นว่า น.ส.แพทองธารจะทำให้ประเทศไทยกลับมาโดดเด่นบนเวทีระดับโลก”นายจิรายุ กล่าว

ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ ที่ห้องภาณุรังษี ชั้น 3 กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 9/2567 มีการพิจารณาเรื่องการทำกฎระเบียบสำหรับการปฏิบัติต่อกำลังพลทางทหารที่ผิดกฎหมาย กองทัพจะวางกฎระเบียบที่ชัดเจนมากขึ้น การดำเนินการเรื่องนี้ มีกฎหมายหลายฉบับ ทั้งกฎหมายซ้อมทรมาน และ พ.ร.บ.อุ้มหาย รวมทั้งกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้อง

“จึงหารือกับเหล่าทัพว่าควรมีมาตรการที่เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อทำให้การทำร้ายร่างกายกำลังพลนั้นหยุดลง ที่ประชุมให้แต่ละเหล่าทัพไปพิจารณาและรับหลักการในการแก้ไขกฎระเบียบของกองทัพ หากเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกำลังพลอีก จะมีการดำเนินการอย่างเคร่งครัด หากมีการซ้อมทรมานจนถึงแก่ชีวิต จะเข้าสู่กระบวนการกฎหมายอาญา ซึ่งจะต้องมีการปรับข้อกฎหมายให้เหมาะสมเสียก่อน ขอให้มั่นใจว่าจะปลอดภัย”นายภูมิธรรม กล่าว

ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เหตุแห่งการต่อต้านการเกณฑ์ทหารเรื่องหนึ่ง คือกลัวความรุนแรงในค่ายทหาร ที่เอาผิดผู้กระทำได้ยาก ต่อจากนี้หลายคนคงจับตาดูกฎใหม่ของแต่ละเหล่าทัพที่จะออกมา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่มอบตัวคดีตากใบ หากกลับมาในตอนที่ขาดอายุความไปแล้ว พรรคเพื่อไทยจะให้เป็น สส.อยู่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “รอให้เรื่องเกิดขึ้นก่อน ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการ มีประเด็นอื่นไหมครับ เพราะว่าประเด็นนี้ก็มีแค่นี้แหละ 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้โพสต์ข้อความรายงานว่า ศาล จ.กาฬสินธุ์พิพากษายกฟ้อง นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ สส.กทม.พรรคประชาชน ( ปชน.) และอดีตนักกิจกรรมกลุ่ม WeVo ในคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณีถูกกล่าวหาว่า ติดตั้งป้ายวิจารณ์การผูกขาดวัคซีนในพื้นที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และโพสต์ภาพป้ายเมื่อปี 2564

คำพิพากษาโดยสรุป ระบุว่า พยานหลักฐานโจทก์มีความน่าสงสัยตามสมควรว่า จำเลยเป็นผู้ติดตั้งป้ายและโพสต์ภาพป้ายเองหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ศาลพิพากษายกฟ้อง สำหรับนายปิยรัฐ ยังมีอีก 2 คดี ยังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอาญาและศาลจังหวัดอุบลราชธานี ภายหลังฟังคำพิพากษา นายปิยรัฐเดินทางกลับกรุงเทพ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไร

ซึ่งเรื่องผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกฟ้องคดี ม.112 ยังมีอีกหลายคดี ต้องดูคำวินิจฉัยศาลกันต่อไป ไม่ทราบว่า ระหว่างศาลตัดสินหรือออกกฎหมายนิรโทษกรรม อะไรจะเกิดก่อน

“ทีมข่าวการเมือง”