เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ “เสียงจากใจ ไทยคู่ฟ้า” ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย 92.5 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นการสรุปการทำงานของนายกรัฐมนตรีในรอบสัปดาห์ ว่า การเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยนั้น สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนไป จึงมีการปรับหลักเกณฑ์การเยียวยา นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการในที่ประชุมครม. ให้ปรับหลักเกณฑ์การเยียวยาจาก 5,000 บาท เหมาจ่ายทุกครัวเรือนในปี 2554 เป็น 9,000 บาท แต่ไม่ได้ปิดกั้นการช่วยเหลือด้านอื่นๆ เช่น กรณีบ้านเรือนที่ได้รับคว่ามเสียหายเกินกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ จะชดเชย 230,000 บาท หากกรณีที่มีการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต หรือส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร ให้ติดต่อที่ทำการอำเภอ ขณะที่การให้การช่วยเหลือ โดยศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ได้แจ้งเตือนประชาชนว่า สัปดาห์หน้าฝนจะตกชุกในภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ตอนบน ศปช. จึงสั่งการให้เตรียมอุปกรณ์ หากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน เพื่อดูแลประชาชนให้ทันท่วงที
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี ที่พูดเรื่องการไหลของน้ำจากแม่น้ำปิง ไปลงแม่น้ำโขง ว่า นายกรัฐมนตรีอาจเว้นวรรคการพูดที่ไม่ห่างพอ เพราะที่ประชุมมีการพูดใน 2 ประเด็น ซึ่งแม่น้ำโขงที่จังหวัดเชียงราย ที่น้ำท่วมที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งนายกฯ ระบุว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงบริเวณดังกล่าว อยู่ในระดับที่เหมาะสม น้ำไม่ได้เอ่อล้น ขณะเดียวกัน จ.เชียงราย มีแม่น้ำอีกหนึ่งสายในตัวเมืองคือแม่น้ำกก ซึ่งแม่น้ำปิงที่ จ.เชียงใหม่ เอ่อล้นไหลพาดผ่านไปยัง จ.ลำปาง ประกอบกับการที่นายกรัฐมนตรีอ่านวรรคไม่ถูกต้อง และต้องการอธิบายการไหลของน้ำมายังเขื่อนภูมิพล และไหลลงมายังพื้นที่ทางตอนล่าง ซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วงสัปดาห์หน้า มวลน้ำจะเริ่มทยอยลงมา ซึ่งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันชัดเจนแล้วว่าไม่น่ากังวลอะไร ว่าจะซ้ำรอยปี 2554