เมื่อวันที่ 21 ต.ค. นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย ยอมรับเป็นความจริงกรณีมีกระแสข่าวนาย พิเชษฐ แจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุบพรรคประชาธรรมไทยเพื่อเตรียมย้ายเข้าพรรคพลังประชารัฐ โดยทำเรื่อง ขอยุบพรรคมาตั้งแต่เดือน เม.ย. จากนั้นเจ้าหน้าที่ กกต. เรียกคณะกรรมการบริหารของพรรคไปสอบปากคำเพื่อยืนยันไม่ได้เป็นการบังคับให้ยุบพรรค และได้มีมติให้ยุบพรรคเมื่อ 9 ส.ค.ขั้นตอนหลังจากนี้ต้องรอประกาศราชกิจจานุเบกษาให้พรรคประชาธรรมไทย สิ้นสภาพ จากนั้นย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ภายในกรอบ 60 วัน

เมื่อถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เป็นการเดินตามรอย “ไพบูลย์โมเดล” ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมากลงมติชี้ขาดนายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. จากกรณียุบพรรคประชาชนปฏิรูปและย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ นายพิเชษฐ ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่ง เพราะกรณีนายไพบูลย์ ทำให้กระจ่างขึ้นว่า การยุบพรรคแล้วไปสังกัดอีกพรรคหนึ่ง ไม่ทำให้ขาดสมาชิกภาพ ส.ส. หลังจากนี้ตนเตรียมย้ายเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยได้พบกับ พล.อ.ประวิตรวงษ์ สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปแล้วและได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคแล้วด้วย

เมื่อถามถึงเหตุผลหลักในการตัดสินใจเตรียมย้ายเข้าพรรคพลังประชารัฐ มาจากกรณีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่พรรคเล็กอาจสูญพันธุ์ใช่หรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าวยอมรับเป็นเหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลสำคัญของตนคือการขับเคลื่อนนโยบายที่เสนอตอนตั้งพรรคและรับปากจะดูแลประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่สามารถขับเคลื่อนสิ่งที่หาเสียงไว้กับประชาชน แต่หากเข้าพรรคพลังประชารัฐ จะสามารถผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์และตรงกับนโยบายของรัฐบาลได้

ส่วนประเด็นมีหัวหน้าพรรคเล็กอื่นๆ มาปรึกษาเรื่องยุบพรรคหรือไม่นั้น นายพิเชษฐ ยอมรับมีพรรคเล็กเข้ามาปรึกษา ตอนนี้รอความชัดเจนเรื่องกฎหมายลูก โดยเฉพาะกรณีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ พรรคเล็กบางพรรคอาจต้องเปลี่ยนจากลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขตแทน.-อ่านต่อ การเมืองถอยหลัง 20 ปี ‘ไพบูลย์โมเดล’ เปิดประตูเผด็จการรัฐสภา