โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เป็นโรคมะเร็งชนิดที่พบมากเป็นอันดับ 3 ของคนไทย “โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาการุณย์” บอกเล่าสาระความรู้พร้อมคำแนะนำสังเกตอาการ ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่าจะรู้ว่าเป็น “มะเร็งลำไส้ใหญ่” มักพบโรคในระยะที่เป็นมากแล้ว ซึ่งทำให้มีโอกาสการเสียชีวิตสูง ดังนั้น การตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นการตรวจตั้งแต่ผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ หรือการมาพบแพทย์ทันทีตั้งแต่มีอาการผิดปกติในระยะเริ่มแรกเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะสำหรับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้น ถ้ารู้เร็ว รักษาเร็ว และถูกวิธี ก็จะมีโอกาสหายมากขึ้น
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เกิดได้ในทุกเพศทุกวัย มักพบมากในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งอายุเฉลี่ยของคนไทยที่ตรวจพบมะเร็งชนิดนี้อยู่ในช่วงอายุ 60-65 ปี
กรณีของผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในครอบครัวเป็นญาติสายตรงลำดับแรก ได้แก่ พ่อแม่ พี่น้อง และบุตร จะทำให้ผู้นั้นมีโอกาสป่วยโรคดังกล่าวมากกว่าคนทั่วไป
แม้ปัจจุบันยังไม่ทรามสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่เชื่อว่าการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารมาก ไขมันน้อย ร่วมกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการป้องกันกันภาวะท้องผูก จะลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
สำหรับการตรวจพบแต่เนิ่นๆ ต้องทำตั้งแต่ยังไม่มีอาการผิดปกติ ซึ่งเรียกการตรวจนี้ว่า “การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่” ซึ่งแนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีหลายวิธี เช่น การตรวจเม็ดเลือดแดงในอุจจาระทุก 1-2 ปี, การสวนสารทึบรังสีตรวจลำไส้ใหญ่ หรือการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทุก 5 ปี เป็นต้น
อาการที่สังเกตและพบได้ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ได้แก่ ขับถ่ายผิดปกติ (ถ่ายบ่อยหรือน้อยกว่าปกติ) ท้องผูก ปวดเบ่งในช่องทวารหนัก ถ่ายไม่สุด ถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด หรือเป็นเลือดแดงสด (อาจมีเลือดปนมากับอุจจาระคล้ายกับโรคริดสีดวงทวารหนัก) อุจจาระลำบากหรือลำอุจจาระมีขนาดเล็กลง คลำพบก้อนในท้อง ซีด เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่พบอาการผิดปกติใดๆเลยก็ได้
การตรวจเพื่อการวินิจฉัย เริ่มจากการที่แพทย์ซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด อาจรวมถึงการใช้นิ้วสอดเข้าตรวจทางทวารหนัก ทั้งนี้ แพทย์อาจพิจารณาทำการตรวจต่างๆ เพิ่มเติมตามความเหมาะสม อาทิ การส่องกล้องเข้าทางทวารหนักเพื่อตรวจและตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบเซลล์มะเร็ง และอาจมีการตรวจทางรังสีวิทยาเพิ่มเติม อาทิ การตรวจอัลตราซาวน์ หรือเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อประเมินระยะของโรคและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับการรักษาขึ้นอยู่กับตำแหน่งของมะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสภาพร่างกายและความพร้อมของผู้ป่วยขณะนั้นว่าเหมาะสมกับวิธีใดมากที่สุด ซึ่งโดยทั่วไป วิธีที่ดีที่สุดในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่ การผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่ส่วนที่มีเนื้อร้ายออก ส่วนการให้ยาทำลายเซลล์มะเร็ง (เคมีบำบัด) และ/หรือการฉายรังสีเป็นการรักษาเพิ่มเติมในกรณีที่มีข้อบ่งชี้
ดังนั้น หากพบอาการผิดปกติตามที่กล่าวมาข้างต้น แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจเป็นอาการแรกเริ่มของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ จึงควรไปพบแพทย์ เพราะรู้เร็ว รู้ไว รักษาได้ทันท่วงที มีโอกาสหายได้