นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยในงาน เมตา คอมเมิร์ซ เดย์ ว่า  มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากปีที่ผ่านมา ทางกรมฯ จึงมีการร่วมเป็นพันธมิตรกับเมตา  ในการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมทักษะผู้ประกอบการไทย  อาทิ การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ ในการสร้างแต้มต่อให้สามารถยกระดับธุรกิจและแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ยังได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการไทย โดยตั้งแต่ต้นปี จนถึง 30 ก.ย. มีธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาจดทะเบียนกับกรมฯ โดยเป็นธุรกิจรายเล็ก  7,279 ราย ขนาดกลาง 86 ราย และขนาดใหญ่ 28 ราย  และในปี 66 ที่ผ่านมาอีคอมเมิร์ซที่จดทะเบียนสามารถทำรายได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท

“ที่ผ่านมากรมฯ ได้จับมือกับเมตา ในการจัดงานส่งเสริมผู้ประกอบการไทย จำนวน 5 ครั้ง ใน 5 ภูมิภาค เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะการประยุตก์ใช้ เอไอ ในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ กรมฯ  ก็ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม เอสเอ็มอี 360  ช่วยงานหลังบ้าน การทำบัญชี และสร้างแบรนด์ เป็นต้น เพื่อช่วยผู้ประกอบการด้วย”

นายดรูฟ โวห์รา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจ เมตา (ตลาดระดับกลาง) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ปัจจุบันแพลตฟอร์มของเมตา มียอดผู้ใช้งานกว่า 3.27 พันล้านคนในทุกวัน เติบโต 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และกว่า 50% ใช้เวลากับอินสตาแกรม  และปัจจุบันเมตา มีการนำเอไอมาใช้ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ช่วยให้ธุรกิจและลูกค้ามีการเติบโตมากขึ้น

น.ส.อาจารี แชรงค์ หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรด้านข้อความเชิงธุรกิจ เมตา กล่าวว่า ปัจจุบัน ไลฟ์  ชอปปิง  เป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยม ซึ่งผลสำรวจในปีที่ผ่านมาพบว่า  คนเข้าไปพบสินค้าบนโซเชียลมีเดียมากกว่า 70% และส่วนใหญ่เจอบนแพลตฟอร์มของเมตา  และ 70% ของคนดูไลฟ์ ชอปปิง จะซื้อสินค้า และส่วนใหญ่จะกลับมาซื้อซ้ำใน 1 เดือน และ กว่า 90% จะมีการซื้อที่มีมูลค่าสูงกว่าเดิม ปัจจุบัน เมตา ได้พัฒนาโซลูชัน ไลฟ์ ชอปปิง บนเฟซบุ๊ก ที่มีการเชื่อมต่อแคตตาล็อก มีการดึงคนให้ดูไลฟ์ สตรีมมากขึ้น แนะนำสินค้าได้เรียลไทม์ ส่งคำสั่งซื้อได้ ฯลฯ  ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำธุรกิจอีคอมเมิรซ์ได้ง่ายและประสบความสำเร็จได้