เมื่อวันที่ 21 ต.ค. นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมลง ครม.สัญจรที่ จ.กระบี่ วันที่ 8-9 พ.ย.นี้ ว่า ครม.สัญจรต้องไม่มีผักชี

 วันที่ 8-9 พ.ย. ที่จะถึงนี้ท่านนายกประยุทธ์จะนำ ครม.ไปประชุมสัญจรที่จังหวัดกระบี่ (ฮั่นแน่ทำตามใครครับ) เข้าใจว่าคงจะไป Kick off การเปิดประเทศตามที่ภูมิใจประกาศไว้ (แบบเล่นๆหรือเปล่า เพราะกฎเกณฑ์แยะจัง)

ในสมัยท่านนายกทักษิณ ท่านนายกยิ่งลักษณ์รวมถึงท่านนายกอภิสิทธิ์ด้วย เมื่อใดที่รัฐบาลมีเสถียรภาพแล้ว และสภาพบ้านเมืองเป็นปกติ ก็จะมีการจัดประชุม ครม.นอกสถานที่ หรือครม.สัญจรนี้แหละ วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้ ครม. ทั้งคณะได้เห็นสภาพปัญหาท้องถิ่นพร้อมๆ กันและช่วยกันตอบสนองแบบฉับพลันทันที โดยจะมีการพูดคุยกับชาวบ้านแบบไม่มีการเตรียมตัว ตกแต่ง (กล้าหรือเปล่า) มีการประชุมกับกลุ่มหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม และสุดท้ายจะมีการอนุมัติโครงการเพื่อตอบสนองปัญหาที่เผชิญอยู่

สภาพปัญหาของรัฐบาลนี้ก็คือการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของพรรคร่วมรัฐบาล อย่าลืมทุกพรรคประกาศชื่อนายกฯของตนแล้วทั้งสิ้น ดังนั้น นายกฯและอนาคตนายกฯทั้งหลาย (สมมุตินะครับ) ก็จะต้องประชุมร่วมกัน คงแย่งซีนกัน ขบเหลี่ยมกันอย่างนี้ มันแน่ๆ อย่างนี้ประชาชนจะได้อะไรและคนที่จะปวดหัวที่สุดก็คือสภาพัฒน์และสำนักงบประมาณเพราะจะต้องหาโครงการและงบประมาณมาสนอง (บักโกรกอยู่แล้ว)

สำหรับประชาชนที่จะมาพบนายกฯนั้น ไม่ต้องพูด คงจัดฉากมาทั้งนั้นแล้วอย่างนี้จะรู้ความจริงได้อย่างไร ตำรวจ คฝ. คงพรึบเต็มหาด นักท่องเที่ยวฝรั่งที่แต่งชุดว่ายน้ำคงตกกะใจแน่ๆเลย เพราะแต่งตัวเหมือนจะมารบกันมากกว่ามาชายทะเล

ผมมีคำถามต่อท่านนายกฯ ในเมื่อท่านลงใต้ไปแล้ว ทำไมไม่ไปดูสถานการณ์ที่ 4 จังหวัดด้วยเล่าครับ ตอนนี้ประชาชนติดโควิดกันมากมาย มีจำนวนมากถึงครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศทั้งๆ ที่มีขนาดประชากรนิดเดียว หรือติดกันเป็นส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ ความล้มเหลวในการป้องกันโควิดในครั้งนี้สามารถอนุโลมหรืออุปมาเอามาอธิบายความล้มเหลว (ที่ซ้ำซาก) ของการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี นี่แปลว่าราษฎรเขาไม่เชื่อเจ้าหน้าที่รัฐเลย หรือไม่ก็เจ้าหน้าที่รัฐเองไม่ได้ตั้งใจจะไปช่วยเหลืออย่างจริงจังหรือไร ต้องหาคำตอบมาให้ได้ ไหนว่าท่านนายกฯ และคณะรัฐมนตรีของท่านหลายคนมีความถนัดเรื่องความมั่นคงไม่ใช่หรือ ท่านทำเรื่องที่ท่านถนัดท่านเก่งซิครับ ดีแต่ไปทำเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการศึกษา หรือแม้แต่เรื่องน้ำวนท่วมไม่หยุดไปหมดแล้ว

ผมขอถือโอกาสนี้สะกิดท่านนายกและคณะรัฐมนตรีจากหลายพรรค ว่าแม้การท่องเที่ยวจะมีความสำคัญมากก็จริง แต่ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดแน่นอน ผมว่าเรื่อง SME อาจจะเป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญกว่าด้วยซ้ำไป น้ำท่วมพื้นที่เกษตรทั้งภาคกลางและภาคอีสานในช่วงเก็บเกี่ยว ทำให้ชาวนาหัวใจแทบสลาย คนเล็กๆที่มีอาชีพขายของชำ ขายอาหาร ตัดผมตัดเล็บ ขับแท็กซี่ เป็นต้น ขาดเงินสดในมือ เป็นหนี้ท่วมหัวมากว่าปีแล้ว เขาจะอยู่อย่างไร พวกท่านรีบแก้เรื่องเหล่านี้ซิครับ บรรดานายหัวเศรษฐีที่ขอผ่อนปรนหนี้สิน ขอลดภาษี ขอสิทธิพิเศษอะไรทั้งหลายนั้นน่ะ ผมว่าพอได้แล้ว ก้มลงมาดูคนไทยตาดำๆ ดีกว่า

สุดท้ายผมขอเตือน (ด้วยความหวังดี) เรื่องนักท่องเที่ยวจีนน่ะอย่าไปหวังอะไรมากเลย รัฐบาลเขาสั่งไม่ให้ชาวจีนออกนอกประเทศถึง 2 ปี ปีหน้าเขาจะจัด Olympic ฤดูหนาว เขายังประกาศไม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย แล้วอย่างนี้ใครจะมาเที่ยวเมืองไทยเล่าครับ อย่าเอาแต่ฝันหวาน เดี่ยวจะฝันค้างไปเปล่าๆ