เมื่อวันที่ 22 ต.ค. รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า นับตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เมื่อกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งต่อไป และกำลังเตรียมการคัดสรรตัวผู้สมัคร ส.ส. โดยในส่วนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคและแกนนำในกลุ่มได้จัดทำโพลเพื่อประเมินความนิยม ส.ส.ของพรรคในแต่ละภาคโดยมอบหมายหน่วยงานของรัฐแต่ละพื้นที่ดำเนินการอาทิ หน่วยงานด้านการศึกษาและหน่วยงานความมั่นคง เป็นต้น

ทั้งนี้แกนนำในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ให้น้ำหนักกับพื้นที่ กทม. และภาคใต้ เป็นพิเศษเนื่องจากมองว่า ส.ส.ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับเลือกมาเพราะได้กระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่ได้เป็น ส.ส. เพราะความสามารถ และมีฐานเสียงเป็นของตัวเองแต่อย่างใด แตกต่างจากภาคเหนือและอีสาน ที่ ส.ส.ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งถูกมองว่าได้เป็น ส.ส. ด้วยปัจจัยอื่น ที่นอกเหนือจากกระแส พล.อ.ประยุทธ์สนับสนุน

สำหรับ ผลโพลที่ทางพรรคทำในพื้นที่ภาคใต้ปราฎกว่า พลังประชารัฐมี ส.ส.ทั้งหมด14 คน แต่มีผู้ที่ผ่านเกณฑ์เพียง 4 คนได้แก่ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส, นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส, นายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.สงขลา และนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช โดย ส.ส.หลายคนยังไม่ทราบถึงการจัดทำโพลดังกล่าวด้วยซ้ำ นอกจากนั้น ส.ส.ที่ไม่ผ่านเกณ์ ก็ยังไม่ได้รับคำแนะนำในการเสริมจุดอ่อนของตัวเองแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ส.ส.บางคนที่ทราบความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคกลุ่มดังกล่าว ต่างตั้งข้อสังเกตถึงเจตนาที่แท้จริง รวมถึงความแม่นยำของการทำโพลเช่นนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ส่ง ส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิมลงเลือกตั้งในนามพรรคครั้งต่อไปหรือไม่เนื่องจาก ส.ส. หลายคนไม่ใช่คนในกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส นอกจากนั้นยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าการทำโพลดังกล่าวจะถูกใช้เป็นเงื่อนไขกดดันให้ ส.ส.มาขึ้นตรงกับกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส แลกกับการถูกส่งลงสมัครในครั้งต่อไปหรือไม่อีกด้วย.