สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมสหรัฐ กล่าวว่า ผู้โดยสาร 128 คน ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นต่อเครื่องบินโดยสาร หลังจากบางคนไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ รวมถึงข้อกำหนดการสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรคโควิด-19 บนเที่ยวบินจากสหรัฐ ไปยังเยอรมนี
ด้านกระทรวงคมนาคมสหรัฐ ระบุเสริมว่า บทลงโทษในกรณีการปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2565 ในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ถือเป็นโทษหนักสุดที่กระทรวงเคยดำเนินกับการละเมิดสิทธิพลเมือง
อนึ่ง กลุ่มนักเดินทางซึ่งสวมเสื้อผ้าที่โดดเด่น เช่น หมวกและเสื้อแจ๊กเกตสีดำ กล่าวกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่า พวกเขาถูกปฏิบัติราวกับว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน แม้หลายคนไม่ได้เดินทางมาด้วยกัน และไม่รู้จักกันก็ตาม
“ลุฟต์ฮันซา ปฏิเสธไม่ให้ทุกคนขึ้นเครื่องบิน เนื่องจากบางคนมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และพวกเขาเป็นชาวยิวอย่างเห็นได้ชัด” เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมสหรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงได้รับคำร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติมากกว่า 40 รายการ จากผู้โดยสารชาวยิวในคดีนี้
ขณะที่ลุฟต์ฮันซา แจ้งต่อกระทรวงคมนาคมสหรัฐว่า สายการบินแถลงขอโทษต่อสาธารณชน เกี่ยวกับการห้ามไม่ให้ผู้โดยสารเดินทางต่อในหลายกรณีแล้ว แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ระบุว่า พนักงานของลุฟท์ฮันซา มีส่วนร่วมในการเลือกปฏิบัติในรูปแบบใดก็ตาม
ภายหลังการประกาศปรับเงินของกระทรวงคมนาคมสหรัฐ ลุฟต์ฮันซาระบุในแถลงการณ์ว่า สายการบินได้ดำเนินโครงการฝึกอบรมแบบใหม่ เพื่อจัดการกับการต่อต้านชาวยิว และการเลือกปฏิบัติ.
เครดิตภาพ : AFP