เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่รัฐสภา นายปรีติ เจริญศิลป์ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ คนที่ 5 สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงกรณีที่อดีตเลขานุการ กมธ.กระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ ใช้ตำแหน่งเรียกรับผลประโยชน์ ว่า ตามที่มีผู้เสียหาย 3 ราย ซึ่งประกอบด้วยโรงพยาบาล 1 แห่ง สถานพยาบาล 1 แห่ง ภาคเอกชน 1 ราย ร้องเรียนต่อ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ให้ตรวจสอบเลขานุการ กมธ.กระจายอำนาจฯ ว่ามีพฤติกรรมใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะมีโครงการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย ที่จะสามารถทำให้ผู้เสียหายได้งานจากภาครัฐ ซึ่งผู้เสียหายทั้ง 3 รายได้จ่ายเงินให้กับบุคคลดังกล่าวประมาณ 12 ล้านบาท
นายปรีติ กล่าวอีกว่า จากการที่ กมธ.ป.ป.ช.สอบถาม กมธ.กระจายอำนาจฯ จึงทราบว่าบุคคลนี้เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการ กมธ.กระจายอำนาจฯ เมื่อเดือน ม.ค. 2567 แต่ถูกให้ออกจากตำแหน่งนี้เมื่อเดือน พ.ค. 2567 นอกจากนี้ กมธ.ป.ป.ช.ได้เชิญตัวแทนของผู้เสียหายทั้ง 3 ราย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้กำกับสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายไปแจ้งความ รวมทั้งกองบังคับการปราบปราม มาให้ข้อมูล เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าผู้ถูกร้องเรียนใช้นามบัตรที่พิมพ์ขึ้นเองที่ระบุชื่อและตำแหน่ง อีกทั้งอ้างว่าตัวเองเป็นนายกสมาคมกีฬา เพื่อทำให้ผู้เสียหายให้หลงเชื่อว่าจะสามารถหาโครงการของ สถ.มาให้ผู้เสียหายได้ รวมถึงในการเจรจากับผู้เสียหายนั้น จะแอบอ้างหนังสือของ สถ.ที่ได้ส่งเวียนไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประชาสัมพันธ์และให้การสนับสนุนทางอ้อมกับสมาคมพัฒนานักกีฬาฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศ ในโครงการ “ท้องถิ่นไทยร่วมใจแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนด้วยกีฬาฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศ” พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้เสียหายรีบตกลงและโอนเงินทันที
นายปรีติ กล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้แทนกรม สถ. แจ้งต่อ กมธ.ป.ป.ช.ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นของจริง แต่เป็นเอกสารเวียนภายในกรมฯ เท่านั้น เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้กับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร หลังจากผู้เสียหายสืบทราบภายหลังว่าโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแต่ละแห่ง แต่ผู้ถูกร้องเรียนได้ขอเจรจากับผู้เสียหายให้ถอนแจ้งความ แลกกับการชำระเงินคืนในรูปแบบเช็คให้ผู้เสียหาย แต่เมื่อผู้เสียหายนำไปขึ้นเงิน ปรากฏว่าเช็คไม่สามารถขึ้นเงินได้ และแต่ผู้ถูกร้องเรียนยังขอเจรจาว่าจะนำบ้านไปเข้าธนาคารเพื่อนำเงินมาคืนผู้เสียหาย
นายปรีติ กล่าวว่า ส่วนกองบังคับการปราบปราม ระบุว่ามีผู้เสียหาย 2 ราย ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน 1 แห่ง เสียหายไป 5 ล้านบาท และโรงพยาบาลอีก 1 แห่ง เสียหาย 1.6 ล้านบาท มาแจ้งความกับกองปราบปราม ให้เอาผิดผู้ถูกร้องเรียนดังกล่าว ขณะที่กมธ.ป.ป.ช.เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินคดีมีความรอบคอบและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงมีมติให้กองบังคับการปราบปรามช่วยรับคดีที่ผู้เสียหาย 3 ราย มาร้องเรียนกับคณะกรรมาธิการฯ เข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม การโอนคดีเป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กมธ.ป.ป.ช.จึงขอให้ ผบ.ตร.ช่วยโอนคดีและติดตามการดำเนินคดีทั้งหมดให้เป็นไปด้วยความยุติธรรมและรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน พร้อมทั้งภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสภาผู้แทนราษฎร
นายปรีติ ยังกล่าวถึงตัวอดีตเลขานุการ กมธ.กระจายอำนาจ ว่า บุคคลนี้ไม่ได้เป็น สส. โดยเป็นคนที่ สส.ของพรรคเพื่อไทยได้รับฝากมาและแต่งตั้งขึ้น แต่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ สส.พรรคเพื่อไทยได้ติดต่อให้บุคคลดังกล่าวคืนเงินให้แก่ผู้เสียหาย แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าจะคืนให้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้ประธานรัฐสภาปรับเปลี่ยนวิธีการแต่งตั้งบุคคลเข้ามาอยู่ในกรรมาธิการชุดต่างๆ โดยเพิ่มการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมก่อนจะแต่งตั้งเพราะที่ผ่านมามักมีการแอบอ้างอยู่บ่อยครั้ง