จากนั้นเวลา 16.00 น. วันที่ 17 ต.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 23 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีและหน่วยงานต่างๆ รอให้การต้อนรับ
โดยเมื่อเดินทางถึง นายกฯ ได้เปลี่ยนสวมใส่ผ้าถุงสีเงิน ซึ่งมีลวดลายจากบ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธ์ุ และคาดผ้าสไบมัดหมี่ทอด้วยมือ สีส้มอิฐหรือสีน้ำตาลอิฐ ซึ่งเป็นสีอัตลักษณ์ของหนองคาย (เป็นสีตะกอนของแม่น้ำโขง) จังหวัดหนองคาย ลายนาคใหญ่ (พญานาค 7 เศียร) ซึ่งมีความหมายถึงความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ โดยลายผ้าเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเชื่อและคติความผูกพันกับพญานาค ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกปักรักษาแม่น้ำโขง ซึ่งชาวหนองคายเชื่อว่า พญานาคสามารถดลบันดาลความสุข ความสำเร็จ และความเจริญให้กับผู้ศรัทธา
จากนั้นนายกฯ เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน กล 5558 อุดรธานี พร้อมคณะ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงลานนาคาเบิกฟ้า อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ในเวลา 17.30 น. โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย เขต 2 พรรคเพื่อไทย และนายเอกธนัช อินทร์รอด สส.หนองคาย เขต 3 พรรคเพื่อไทย รอต้อนรับ
โดยนายกฯ เมื่อเดินทางถึงได้มีคนเสื้อแดงมารอมอบช่อดอกกุหลาบให้นายกฯ ก่อนจะเดินทักทายประชาชนและถ่ายรูปเซลฟี่กับประชาชนที่มาร่วมงานอย่างคึกคักและเป็นกันเอง นอกจากนี้ นายกฯ ยังเดินทักทายและถ่ายรูปร่วมกับนางรำจำนวน 1,000 คนที่มารำบวงสรวงในพิธี ซึ่งตลอดเส้นทางนางรำต่างพูดชมนายกฯ ว่า “น่าฮักมาก” และ “สวยมาก” นอกจากนี้นายกฯ ยังได้ทักทายนางรำที่เป็นเด็ก พร้อมสอบถามว่า “อายุเท่าไหร่ สวมชุดนางรำน่ารักมาก อยากซื้อไปให้ลูกใส่”
จากนั้นนายกฯ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า สวัสดีพี่น้องชาวหนองคายทุกท่านและทุกๆ คนที่อยู่ในที่นี่ และสวัสดีรัฐมนตรี สส. สื่อมวลชน ประชาชนที่รักทุกท่าน วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มางานบุญบั้งไฟ ถือเป็นครั้งแรกของตัวดิฉัน ฉะนั้นขอเสียงตบมือดังๆ ให้งานนี้ ซึ่งถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ของชาวอีสานและทีมงานซอฟต์พาวเวอร์ที่จะผลักดันเทศกาลต่างๆ และรู้สึกว่างานนี้เป็นงานที่จะสร้างโอกาสให้กับพี่น้องชาวอีสานได้มาก เพราะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่สวยงาม และเป็นงานที่มีความเชื่อของคนอีสานอยู่มาก ตั้งแต่นานมากแล้ว รู้สึกมีเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ และสามารถที่จะใส่ความคิดสร้างสรรค์หรือเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไป เพื่อที่ทำให้คนทั่วโลกได้เห็น และสัมผัสสิ่งที่ชาวอีสานได้ทำกันมาต่อเนื่อง อันนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลพร้อมที่จะผลักดัน ซึ่งในกระบวนการต่างๆ ได้เริ่มทำแล้วฉะนั้นการที่มีเทศกาลดีๆ แบบนี้ที่อีสานเราจะผลักดัน เพราะไม่ใช่แค่เทศกาลนี้ยังมีเทศกาลอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแห่เทียนพรรษา ไหลเรือไฟและอีกหลายเทศกาลที่มีเสน่ห์มาก
นายกฯ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นซอฟต์พาวเวอร์เป็นสิ่งที่เราต้องสร้างเสน่ห์ มีเสน่ห์อะไรให้คนเข้ามาหลงใหล หรือเข้ามาหาเรา และนี่คือหนึ่งในเทศกาลที่จะทำให้เศรษฐกิจของพื้นที่หมุนเวียน ถ้าดูชาวต่างชาติทั้งโลกรู้จักเทศกาลนี้ของอีสาน คนอีสานต้องรวยแน่ๆ ใช่หรือเปล่า ฉะนั้นอยากจะบอกว่าวันนี้มาให้กำลังใจทุกท่าน เดี๋ยวเราจะพัฒนาในสิ่งที่ชาวอีสานมีอยู่แล้ว ให้เป็นสมบัติของชาวอีสานให้ดียิ่งขึ้นเป็นที่รู้จักมากขึ้น และต้องสวัสดีทุกท่านดีใจมากๆ ที่ได้มา จ.หนองคาย ในวันนี้
จากนั้นนายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ จุดธูปเทียนเพื่อบูชาพระรัตนตรัย และเป็นประธานถวายจตุปัจจัย แด่พระสงฆ์จำนวน 9 รูป ก่อนที่นายกฯ จะเป็นประธานในพิธีบวงสรวงบูชาพญาพิสัยสัตนาคราช เนื่องในงานประเพณีออกพรรษา และพิธีเปิดงานบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2567
ต่อมานายกฯ เป็นประธานในพิธีบวงสรวงวันเปิดโลก บูชาพระพุทธเจ้าและบูชาพญานาค โดยนายกฯ และรัฐมนตรีผู้หญิง รวมถึง น.ส.แอนโทเนีย โพซิ้ว รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023 อัญเชิญพานพญานาคเพื่อบวงสรวงด้วย จากนั้นพราหมณ์กล่าวคาถาบูชาเริ่มพิธีบวงสรวง ก่อนที่นายกฯ และรัฐมนตรี จะโปรยเครื่องดอกไม้ เพื่อบวงสรวงวันเปิดโลกบูชาพระพุทธเจ้าและบูชาพญานาค และชมรำบวงสรวงพญาพิสัยสัตนาคราช และเหล่าพญานาคที่สถิตอยู่ลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีนายกฯ เดินทางกลับกรุงเทพฯ.