จากกรณีพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ควบคุมตัวผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จำนวน 17 ราย (ยกเว้นนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำโดยพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.) ตามหมายจับศาลอาญารัชดา ในข้อหา ”ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน“ ฝากขังศาลผัดแรกระยะเวลา 12 วัน โดยมีพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว ต่อมาศาลได้พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วพิเคราะห์ว่าคดีนี้มีการทำเป็นขบวนการและมีการแบ่งหน้าที่กันทำ นับเป็นเรื่องร้ายกระทบเป็นวงกว้าง ประกอบกับคำคัดค้านของพนักงานสอบสวน และผู้เสียหาย เกรงว่าจะมีการหลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรืออาจจะกระทำการใดกระทบกระเทือนต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงในคดี ในชั้นนี้จึงยังไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาชาย 10 รายไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และผู้ต้องหาหญิง 7 รายไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทน ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รับตัวผู้ต้องหาหญิง 7 ราย และผู้ต้องหาชาย 10 ราย แยกคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อเวลาประมาณ 20.40 น.ที่ผ่านมา โดยในส่วนของผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายจะต้องทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ซึ่งผู้ต้องขังหญิงระหว่างพิจารณาคดี จะยังไม่ต้องตัดผมแต่ต้องมัดรวบผมให้เรียบร้อย
นางกนกวรรณ เผยอีกว่า ส่วนความเครียดหรือความกังวลเป็นเรื่องปกติของผู้ต้องขังเข้าใหม่อยู่แล้ว และในช่วงแรกมีเจ้าหน้าที่คอยมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งจะให้แพทย์และนักจิตวิทยาประจำเรือนจำช่วยให้คำปรึกษาพูดคุยเรื่องการปรับตัวภายในเรือนจำ ทั้งนี้ สำหรับผู้ต้องขังใหม่และคดีเดียวกันจะมีการแยกคุมขังไม่ให้อยู่เป็นกลุ่มใหญ่ แต่อาจอยู่รวม 1-2 คนได้บ้าง เพราะบางครั้งต้องการช่วยปลอบใจกัน และอยู่ในแดนกักโรคโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันโควิด ระยะเวลา 5 วัน ก่อนย้ายสู่แดนในเรือนจำฯ อีกทั้งในส่วนของทนายความจะสามารถเยี่ยมผู้ต้องขังได้ทันทีผ่านระบบออนไลน์ ส่วนการเยี่ยมญาติต้องหลังจากผ่านการกักโรคโควิด-19.