เมื่อวันที่ 22 ต.ค. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งขาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่แต่ละวันเพิ่มสูงนับหลักพันถึงหลักหมื่นราย ส่งผลให้ค่ารักษา ค่าตรวจคัดกรอง ค่าฉีดวัคซีนที่เบิกมายังสปสช.สูงขึ้นหลายเท่า โดยเดือน พ.ค.-ก.ค. อยู่ที่ 5,000-7,000 ล้านบาท เดือน ส.ค.เพิ่มเป็น 11,000 ล้านบาท และด้วยการเบิกจ่ายค่าบริการของหน่วยบริการที่มีระยะเวลาเบิกจ่าย 1-2 เดือน ทำให้เดือน ก.ย.เพิ่มสูงถึง 15,000 ล้านบาท มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้งบประมาณที่ขอเพิ่มเติมจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฯ หรับบริการโรคติดเชื้อโควิด-19 ไม่เพียงพอ ต้องอยู่ในสภาวะรอจ่ายหน่วยบริการจำนวน 20,829.23 ล้านบาท จึงได้มีการหารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้ให้ สปสช. จัดทำคำของบฯ พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพิ่มเติม ซึ่ง บอร์ด สปสช.ที่ มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา 

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ สปสช. ได้นำเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในหมวดรายการและประเภทบริการอื่นหรือรายการ รายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสม ที่ไม่มีภาระผูกพัน ทำการทดรองจ่ายค่าบริการโควิด-19 ที่ค้างจ่ายหน่วยบริการส่วนหนึ่งไปก่อนระหว่างรอการอนุมัติงบฯ เพิ่มเติม

“ขอชี้แจงหน่วยบริการที่ได้ร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้ส่งเรื่องเบิกจ่ายเข้ามายัง สปสช. แล้ว แต่ยังไม่ได้รับชดเชยค่าบริการนั้น ขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างประสานของบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำมาจ่ายชดเชยแล้ว ทันทีที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี สปสช. จะเร่งโอนงบประมาณเพื่อจ่ายค่าบริการกรณีโควิด-19 ที่ค้างจ่ายโดยเร็ว และคาดว่าจะสามารถจ่ายได้ในกลางเดือนพฤศจิกายน” เลขาธิการ สปสช. กล่าว.