เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ  ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. ร่วมกันให้สัมภาษณ์  ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระยะเวลา 2 ชม. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงของสำนวนคดี และการดำเนินการของตำรวจทั้งหมด เพื่อส่งมอบให้ดีเอสไอรับไปดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 นั้น

ร.ต.อ.วิษณุ เปิดเผยว่า วานนี้ (28 ต.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางได้ส่งสำนวนให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยดีเอสไอจะมีการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษได้ 2 ช่องทาง คือ 1.ความผิดตามบัญชีท้าย หรือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และ 2.หากไม่ได้อยู่ในบัญชีท้ายก็จะเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งในกรณีนี้ทางอธิบดีดีเอสไอได้มอบหมายให้ตนในฐานะประธานกลั่นกรองการรับเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรค 1 (1) ซึ่งจะเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ ประกอบกับ พ.ร.บ.คอมพ์ ส่วนนี้จะอยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 จึงได้เชิญพนักงานสอบสวนของ บช.ก. และผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม และพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอันเป็นประโยชน์ให้คณะกรรมการกลั่นกรองได้พิจารณาในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เราจะรับข้อเท็จจริงและพิจารณาพยานหลักฐานว่าเป็นความผิดตามบัญชีท้ายอย่าง พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ มีลักษณะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ แต่เท่าที่รับฟังข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ และ พ.ร.บ.คอมพ์ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์เพื่อรีบเสนอให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษใน 2 ความผิดนี้ต่อไปในช่วงบ่ายวันนี้ ทั้งนี้ ดีเอสไอจะทำงานร่วมบูรณาการกับตำรวจ ไม่ใช่การนับ 1 แต่เป็นการนับ 9 นับเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด ดังนั้น หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ทางตำรวจก็ยังจะมาร่วมสอบปากคำกับดีเอสไอได้ ส่วนสถานที่ที่จะใช้ในการสอบปากคำต้องขอประชุมพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้สะดวกที่สุด ยืนยันว่าเราไม่ไปตัดอำนาจของตำรวจที่มีการทำมาก่อนแน่นอน เพราะเราทำงานร่วมกัน สนับสนุนกัน บูรณาการทีมงานกัน และทาง บช.ก. ก็ได้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ดีเอสไอตลอดเวลา

ร.ต.อ.วิษณุ เผยอีกว่า การจะสอบปากคำผู้ต้องหารายใดเพิ่มเติม ดีเอสไอจะประชุมร่วมกันกับตำรวจเพื่อพิจารณาว่าส่วนใดบ้างที่ บช.ก. อยากจะดำเนินการ อีกทั้งเรื่องหมายจับของผู้ต้องหากลุ่มถัดไป ดีเอสไอขอดูที่พยานหลักฐานสำคัญที่ต้องเพียงพอตามสมควร และเราต้องพิจารณาร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง จะทำอย่างมีประสิทธิภาพ และจะทันผัดฝากขังผู้ต้องหาแน่นอน เพราะข้อกล่าวหา พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ สามารถขยายเวลาฝากขังได้ถึง 7 ฝาก แต่เราก็ต้องรีบพิจารณารวดเร็วด้วย ทั้งนี้ จะได้มีหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้อัยการมาร่วมเป็นที่ปรึกษาในคดี รวมทั้งจะเชิญผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทุกด้านมาเป็นที่ปรึกษาในคดีเช่นเดียวกัน เพราะเราต้องดูการต่อสู้ของผู้ต้องหาและประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงิน การวิเคราะห์ การเสียภาษี เป็นต้น เนื่องด้วยเขาอยู่ในวงการขายตรงมาหลายปี