เมื่อวันที่ 29 ต.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเตรียมทำหนังสือถึงดีเอสไอขอเปลี่ยนสถานะของ 5 แม่ข่าย ได้แก่ ฮัท, ลูกตาล, กบ ไมโคร, หนึ่งฟ้า และ อโณทัย รวม 5 คน จากผู้เสียหายมาเป็นผู้ต้องหาร่วมกัน โดยจะเข้ายื่นหนังสือที่ดีเอสไอ ในวันที่ 29 ต.ค.นี้

โดยบอกว่า ทั้ง 5 คนเป็นแม่ข่ายที่มีลูกทีมมากกว่าร้อยคนและมีพฤติการณ์ชักชวนให้มาร่วมลงทุนเปิดบิลซื้อสินค้า 250,000 บาท โดยที่ผู้ต้องขังทั้ง 18 คนและบริษัทไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งยืนยันว่าการทำหนังสือขอเปลี่ยนสถานะไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย โดยทั้ง 5 คนจะต้องพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกับ 18 คนที่กำลังทำอยู่ ส่วนผู้เสียหายคนอื่น ๆ กว่า 2,000 คน ทีมทนายความอยู่ระหว่างคัดสำนวนเตรียมดำเนินคดีกับบุคคลที่อ้างเป็นผู้เสียหาย ทั้งที่จริงเป็นแม่ข่าย

วันนี้ กบ ไมโคร มาร่วมในรายการโหนกระแส เล่าว่า ตนเป็นลูกข่ายในสายงานของบอสสวย แต่ไม่ได้อันเดอร์บอสสวยโดยตรง อยู่ในลำดับล่างๆ ลึกมาก จนเราไม่รู้ว่าสูงขึ้นไปจากเราเป็นใครบ้าง รู้แต่ว่าต้นสายเราคือบอสสวย

มีคนที่เป็นลูกค้าของตน ที่สมัครแพ็กเกจ 2,500 บาท คือซื้อกินซื้อใช้ จำนวน 60 คน มีคนสมัคร 25,000 บาท เป็นระดับซูเปอร์ไวเซอร์ 7 คน และระดับ 250,000 เป็นญาติพี่น้องคนใกล้ชิด ที่ตนชักนำไปทำ 8 คน ซึ่งคนที่ไปสมัคร 2.5 แสนบาท

โดยระยะเวลาที่ตนทำกับ ดิ ไอคอน ประมาณปีเศษ รวมเงินลงทุนของตนและบรรดาญาติๆ ลงทุนไปทั้งหมด 2 ล้านบาทเศษ ได้รายได้จากบริษัทมาประมาณ 4.5 แสนบาท  ในวันที่ตนตัดสินใจเลิกทำ สาเหตุสำคัญคือดีลเลอร์ 8 คน (กลุ่ม 2.5 แสน) ที่ตนชักนำคนใกล้ชิดมาทำ แล้วทุกคนล้วนขายไม่ได้ ทำให้เรามานั่งคิดว่า ธุรกิจนี้มันคืออะไร คนอื่นเขาไปกู้หนี้ยืมสินมา ทำให้เรารู้สึกบาป แล้วตัดสินใจเลิกเลย โดยที่ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าธุรกิจนี้มันสร้างเงินด้วยวิธีไหน

สิ่งที่ต้องคุยกันก็คือ คำว่า “แม่ข่าย” หมายความถึงคนกลุ่มไหน ต้องมีลูกทีมกี่คน ถ้ามีลูกทีม 1 คนก็นับเป็นแม่ข่ายไหม เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงมีแม่ข่ายอีกเยอะแยะมากมายไปหมด

เมื่อถามว่า ในเมื่อเรามีลูกทีมแค่ไม่กี่คน แล้วจำเป็นไหมที่ต้องขึ้นเวทีไปพูดให้คนมาทำธุรกิจ กบ ไมโคร บอกว่า ณ วันนั้นเราเชื่อโดยสุจริตใจว่า สิ่งที่เราทำในวันนั้น เป็นอาชีพที่สองที่ช่วยชีวิตเราในวันที่โควิดระบาดแล้วเราไม่มีงานเลย

วันนั้นงานใหญ่ที่อิมแพ็ค อารีนา บอสสวยมาขอให้เราขึ้นไปพูดเรื่องชีวิตเราให้ผู้ร่วมธุรกิจฟัง โดยไม่มีค่าตอบแทน ไม่ได้บอกให้เราไปเชิญชวนคนมาทำธุรกิจ ซึ่งหลังจากที่เราเลิกทำธุรกิจ ก็มาทราบว่า คลิปที่เราไปพูดบนเวที ยังถูกบริษัทนำไปใช้โฆษณาอยู่

กบ ไมโคร มีการส่งไลน์ไปแจ้งบอสสวยแล้วว่า ขอใช้สิทธิ ให้บริษัทลบคลิปของตนออกทั้งหมด ไม่อนุญาตให้นำไปใช้อีก โดยได้ไปแจ้งกับพนักงานของดิ ไอคอน ที่บริษัทแล้วด้วย พร้อมส่งไลน์บอกบอสสวยอีกทาง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังไม่ลบ

ต่อมา ในรายการได้ผู้ร่วมรายการอีกคนคือ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้ ดีเอสไอ ซึ่งมีแนวโน้มว่ากำลังจะเป็นผู้รับผิดชอบคดี  เนื่องจากมูลค่าความเสียหายและจำนวนผู้เสียหายเยอะมากจนเข้าเกณฑ์รับเป็นคดีพิเศษ

ทาง พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ บอกว่า ณ เวลานี้ การไปแจ้งความ การรวบรวมพยานหลักฐาน ยังเป็นอำนาจของตำรวจ และหากหลังจากนี้มีคำสั่งรับเป็นคดีพิเศษ ทางดีเอสไอก็พร้อมจะรับหน้าที่สอบสวนต่อ

และในรายการก็ได้เปิดคลิป โค้ชคนหนึ่งที่มาสอนการทำธุรกิจกับดิ ไอคอน โดยสอนว่า ไม่ต้องขายของก็สามารถทำกำไรได้ โดยการไปหาเครือข่ายมา เพื่อขายของแทนเรา ส่วนเราก็กินเงินส่วนต่างกำไรจากบรรดาเครือข่าย โดยที่ไม่ต้องขายของเองสักชิ้น

ซึ่งเมื่อถามทาง พ.ต.ต.วรณัน ว่าลักษณะนี้จะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้ต้องไปหาว่า ผู้บริโภคคนสุดท้ายอยู่ตรงไหน ทั้งหมดที่ได้ข้อมูลมาวันนี้ ในกรณีของดิ ไอคอน เรายังไม่เจอว่าใครเป็นผู้บริโภคคนสุดท้าย มันเป็นระบบการขายอยู่ตรงกลาง แต่ยังไม่มีผู้บริโภคคนสุดท้าย ซึ่งมันผิดหลักการทำธุรกิจขายสินค้า ที่ไม่มี End User

ขณะที่ ลูกตาล ชี้แจงในมุมของตัวเองว่า ตั้งแต่วันแรกที่มาออกรายการโหนกระแส ตนไม่เคยปฏิเสธว่าเป็นแม่ข่าย แม้แต่ชื่อตอนในรายการโหนกระแส มันก็เป็นชื่อแม่ข่ายอะไรสักอย่าง หรือที่มีโซเชียลเอาข้อมูลของตนไปลงว่า เป็นแม่ข่ายระดับแกรนด์ ได้รางวัลตอบแทนผลประกอบการเป็นแหวนเพชรจากบอสพอล อันนี้ตนก็ไม่เคยปิดบัง รูปในไอจีก็ยังไม่ได้ลบ

แต่สิ่งที่ตนออกมา ตนไม่ได้บอกว่าตนเป็นผู้เสียหาย ไม่ได้ไปแจ้งความเอาผิดบริษัท เพียงแต่ในวันนั้น เรารับรู้ว่ามีคนที่เสียหาย มีคนที่ไปจบชีวิตตัวเองเพราะเครียดที่ไปทำธุรกิจกับดิไอคอน เราในฐานะคนที่เคยทำธุรกิจกับเขา ก็ออกมาเล่าจากประสบการณ์ของเราเท่านั้น

ส่วนในวันที่เราทำกับ ดิ ไอคอน เรามีบทบาทอะไรในบริษัท ก็มีแค่หน้าที่การเป็น MC เป็นพิธีกรดำเนินรายการต่างๆ เวลามีอีเวนต์ ซึ่งการทำหน้าที่ MC ไม่เคยได้รับค่าจ้าง

ขณะที่ ทนายวิฑูรย์ โฟนอินเข้ามาบอกว่า จากข้อมูลหยาบๆ ที่เราได้มาตอนนี้ พบว่า 5 คนแรกที่เราพูดชื่อออกมาในตอนแรก เรามีหลักฐานว่าเขาร่วมเป็นเครือข่ายกับบริษัท ซึ่งเป็น 5 คนแรก ที่เรารู้จัก ซึ่งถ้าบอส 18 คนถูกดำเนินคดี ทั้ง 5 คนนี้ก็ต้องโดนด้วย

แต่จริงๆ ไม่ได้มีแค่ 5 คน จริงๆ มี 8 คน อีก 3 คนที่ยังไม่ได้พูดชื่อ ก็คือ อัยการท่านหนึ่ง กับภรรยาของอัยการ และคนที่มีชื่อเสียงอีกคนที่ชื่อ ค.ซึ่งทำหน้าที่เหมือนคุณกันต์ กันตถาวร

ถามว่า ถ้าใช้หลักการนี้ แล้วคนที่อยู่อันดับสูงขึ้นไปกว่าคุณกบ หรือคุณลูกตาล ต้องถูกดำเนินคดีด้วยไหม ก็ต้องบอกว่ามีอีกประมาณแสนกว่าคน ก็แล้วแต่ทาง ดีเอสไอ ว่าจะดำเนินคดีทุกคนเลยเหรือไม่ ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่า ทนายวิฑูรย์ บอกว่า จะดำเนินคดีกับพิธีกร ค. ส่วน ป. ก็คือภรรยาของอัยการ ไม่ใช่พิธีกร

ส่วนเรื่องการยื่นประกันตัว ได้มีการพูดคุยกับบอสพอล ได้ข้อสรุปว่า จะรอให้ทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำให้ได้ข้อมูลไปเยอะกว่านี้ก่อน แล้วค่อยยื่นประกันตัวบอสพอลครั้งแรก ส่วนบอสดาราที่เหลือ ตนไม่รู้เลยว่าจะยื่นประกันรอบสองเมื่อไหร่ ต้องไปสอบถามจากทนายส่วนตัวของทนายบอสดารา

ตอนนี้ทุกคนเริ่มปรับตัวในเรือนจำได้แล้ว ถามไปแล้วว่าถ้ายังไม่ยื่นประกันจะอยู่กันได้ไหม เขาก็บอกว่าอยู่กันได้ ยืนยันว่าทุกคนใจสู้อยู่

ส่วนกรณีของ กบ ไมโคร ตนมีข้อมูลว่า เขามีตัวแทนอยู่ 152 คน ส่วนคุณลูกตาล มีตัวแทนในสายงานอยู่ 265 คน ขณะที่ถามกลับว่า มีหลายคนถามถึงกรณีของคุณพลอย ภรรยาของคุณกันต์ ก็เป็นหนึ่งในแม่ข่าย มีลูกข่ายกี่คน ทนายวิฑูรย์บอกว่าไม่มีข้อมูลเรื่องคุณพลอยเลย แต่ถึงมีข้อมูลก็คงพูดไม่ได้ เพราะไม่ใช่เป้าหมายของตน

ขณะที่ ลูกตาล ถามทนายวิฑูรย์ว่า ตนไม่เคยแสดงตัวเป็นผู้เสียหาย ไม่เคยไปร้องเรียน และไม่เคยขอรับเงินเยียวยา แล้วมาบอกว่าเป็นแม่ข่ายชุบตัวเป็นผู้เสียหายได้อย่างไร

ทนายวิฑูรย์บอกว่า ตนมีข้อมูลมาแบบนี้ ก็ต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่กันเอง

ส่วนกรณีของ ดีเอสไอ ทางทนายวิฑูรย์ ตั้งประเด็นข้อกังวลที่มีคนไปพูดว่า ดีเอสไอวิ่งได้ไหม วิ่งเต้นได้ไหม ก็ต้องยอมรับว่า ดีเอสไอเป็นหน่วยงานที่พิเศษกว่าหน่วยงานสอบสวนอื่นๆ ก็อยากให้ทาง ดีเอสไอ ย้ำกับประชาชนไปได้เลยว่า คดีนี้ตรงไปตรงมา เพราะตนมั่นใจว่าไม่มีการวิ่งเต้นล้มคดีกับทางดีเอสไอได้แน่นอน ในส่วนของตน ตนเป็นทนาย คดีจะอยู่กับสอบสวนกลาง หรือจะอยู่กับดีเอสไอก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ขณะที่ กบ ไมโคร บอกว่า ตอนนี้ในทางกลุ่มผู้เสียหาย เขาเริ่มมีการพูดกันว่า ถ้าคดีไปอยู่ที่ดีเอสไอ เขากลัวว่าอาจจะไม่ได้เงินคืน จึงเริ่มลังเลว่า จะไปถอนแจ้งความแล้วไปรับการเยียวยาแทนดีหรือไม่

ทางดีเอสไอบอกว่า ในเรื่องนี้ต้องแยกกันระหว่างการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา กับเรื่องทางแพ่งที่จะต้องมาเฉลี่ยทรัพย์สินเคลียร์ค่าเสียหายคืนกับผู้เสียหาย ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องมีการส่งเรื่องให้ ปปง.ดำเนินการ