สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ว่าองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (ดับเบิลยูเอ็มโอ) เปิดเผยว่า ระดับของก๊าซเรือนกระจกหลัก 3 ชนิด ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์, มีเทน และไนตรัสออกไซด์ ซึ่งกักเก็บความร้อน ได้พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนั้น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมในชั้นบรรยากาศยังเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 ในช่วง 20 ปี อย่างไรก็ตาม โลกแทบไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงเหลือร้อยละ 43 ภายในปี 2573 ขณะที่การดำเนินการในปัจจุบัน จะส่งผลให้ตัวเลขของทศวรรษนี้ ลดลงเพียงร้อยละ 2.6 จากระดับเมื่อปี 2562
“แผนการจัดการสภาพอากาศแห่งชาติในปัจจุบัน ยังคงห่างไกลจากการกระทำที่จำเป็นในการหยุดยั้งภาวะโลกร้อน ซึ่งทำลายเศรษฐกิจ, ชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนนับพันล้านคน ในทุกประเทศทั่วโลก” นายไซมอน สตีล หัวหน้าฝ่ายสภาพอากาศของยูเอ็น กล่าว พร้อมแนะนำว่า โลกจำเป็นต้องร่างแผนที่กล้าหาญกว่าเดิม เพื่อลดมลพิษ และยุติยุคแห่งความไม่เพียงพอ
ด้านน.ส.เซเลสเต เซาโล เลขาธิการดับเบิลยูเอ็มโอ กล่าวว่า โลกหลงทางในการบรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีส และความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกที่แตะระดับสูงสุด ถือเป็นสัญญาณเตือนถึงผู้มีอำนาจ ซึ่งขณะนี้ ก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ ณ ปัจจุบัน สูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมถึงร้อยละ 51
อนึ่ง ครั้งสุดท้ายที่โลกพบกับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในระดับใกล้เคียงกันนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 3-5 ล้านปีก่อน ซึ่งตอนนั้นอุณหภูมิสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส และระดับน้ำทะเลสูงกว่าปัจจุบัน 10-20 เมตร รายงานอธิบายว่า ระดับอุณหภูมิในปัจจุบันจะคงอยู่ต่อไปอีกหลายทศวรรษ แม้การปล่อยมลพิษจะลดลงเป็นศูนย์ก็ตาม
เมื่อปีที่แล้ว ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 420 ส่วนในล้านส่วน (พีพีเอ็ม) มีเทน 1,934 พีพีเอ็ม, และไนตรัสออกไซด์ 336 พีพีเอ็ม และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คิดเป็นร้อยละ 64 ของผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
