เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ ภายหลังพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวเชื่อมโยงกรณี ดิไอคอน กรุ๊ป กับพรรคเพื่อไทย ว่า เราไม่ได้กล่าวหา แต่อยากให้ไปดูเรื่องความเชื่อมโยง เช่น “บอสแซม” ก็เป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย อันนี้ชัดเจน และ “บอสก้อง” ก็เคยเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะหลีกหนีเรื่องนี้ไม่ได้ แล้วจะมาบอกว่า นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช จะไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสามมิตร หรือพรรคเพื่อไทยไม่ได้ เพราะเคยถูกตั้งเป็นผอ.ศูนย์ร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร อันนี้มีหลักฐานชัดเจน
เมื่อถามว่า การเอ่ยชื่อของกลุ่มสามมิตรจะกระทบถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คำสั่งแต่งตั้งนายสามารถเป็นอย่างนั้น ใช้ชื่อตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร
เมื่อถามว่า ในทางกฎหมายจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนที่ทนายเดชา บอกว่าทนายโจร ต้องให้ฝ่ายกฎหมายดู ว่ามีความผิดมากน้อยแค่ไหน เพราะทนายคนดังกล่าว เคยออกมากล่าวหาหัวหน้าพรรคของเรา โดยการโยงกับเงิน 31 ล้านบาท และก็มีความพยายามโยงว่า การถือหุ้น ร้อยละ 21 เป็นทุนจีนสีเทา แต่ก็ปรากฏชัดออกมาแล้ว และอีกไม่กี่วันตำรวจ ก็คงจะเปิดเผย และที่เรารู้กันดีคือ ร้อยละ 21 ที่ถือหุ้นบอสพอลคือ นางจินดา แซ่ก๊อก ซึ่งเป็นแม่ของบอสพอล ไม่ใช่นอมินี ไม่ใช่ทุนจีน แต่มีความพยายามโยง เพื่อให้ประชาชนไขว้เขว ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายอีกครั้ง
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยควรแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า คงไม่ต้องชี้แจงอะไร เพราะสื่อมวลชนและประชาชนทราบดีอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องพยายามทำคือ ปัดกวาดบ้านตัวเองจะดีกว่า ปัดกวาดคนที่ไม่ดี คนที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีออกไป การเมืองจะได้ใสสะอาดขึ้น ปีนี้ 2567 แล้ว อย่าเล่นการเมืองแบบเก่าๆ หรือการเมืองแบบใส่ร้ายป้ายสีกันเลย เรามาช่วยกันพัฒนาประเทศดีกว่า.