เมื่อเวลา 20.00น.วันที่ 30 ต.ค. พ.ต.ท.นิมมาน นิกูโน สว.(สอบสวน)สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันในบ้านเช่าแห่งหนึ่ง พื้นที่ หมู่4 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.อนุวัฒน์ ฤทธิชัย รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.อดินันท์ วงศ์หมัดทอง รอง ผกก.ป.สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ต.ธีระพงศ์ วิชิต สว.สส. สายตรวจชุดวิหคและชุดเผชิญเหตุเวหา กำลังตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจ.สงขลาและชุดสืบสวนภาค9
ที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด ส่วนผู้ถูกยิงบาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อ น.ส.นฤมล อายุ 55 ปี ถูกยิงด้วยปืน.38 ไทยประดิษฐ์เข้าปากทะลุแก้มบาดเจ็บฟันหลุด หน่วยกู้ชีพคลองแหและญาตินำตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ ไปก่อนหน้านี้ ส่วนคนยิงคือ นายอดิศร อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยผู้บาดเจ็บ หลังก่อเหตุวิ่งหลบหนีไปทางหลังบ้านพร้อมกับอาวุธปืนท่ามกลางความมืด นอกจากนี้ยังพบรถยนต์โตโยต้า โคโรล่า รุ่นเก่าสีเขียว ทะเบียน สงขลา จอดอยู่ริมถนนข้างบ้านซึ่งเป็นรถของ นายอดิศร ที่ขับมาก่อเหตุสภาพ กระจกหน้าแตกเป็นรู เพราะถูกญาติคนเจ็บขว้างก้อนหินใส่ ขณะกำลังจะวิ่งหนีไปขึ้นรถ จนต้องทิ้งรถวิ่งหนีไป เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังปิดล้อมพื้นที่ และใช้โดรนบินเพื่อหาตัวกว่า 2 ชม.ก็ไม่พบตัว
สอบถาม สามีผู้บาดเจ็บเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอดิศร ซึ่งเป็นลูกเขย ที่แยกกันอยู่กับภรรยา ได้ประมาณ 3 เดือน ได้ขับรถมาหาลูกๆ 3 คนที่บ้านเกิดเหตุ ขณะเมียไม่อยู่ และเข้าไปกินข้าวในบ้าน กินเสร็จผู้บาดเจ็บได้บอกให้กลับได้แล้ว แต่นายอดิศร ขอเวลาอยู่ต่ออีก 5 นาที แต่ผู้บาดเจ็บไม่ยอมให้อยู่ต่อ บอกให้กลับ จึงเดินออกจากบ้าน แล้วอยู่ได้ยินเสียงปืน วิ่งออกมาดูพบว่าผู้บาดเจ็บถูกยิงแล้ว ส่วนนายอดิศร ลูกเขยพยายามวิ่งหนีขึ้นรถ ชาวบ้านช่วยกันไล่ ปาหินใส่รถจึงหนีเข้าป่าไปดังกล่าว
ต่อมาเมื่อช่วงเที่ยงคืน นายอดิศร ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจที่สภ.ทุ่งลุง และทางตำรวจชุดสืบสวนสภ.หาดใหญ่ ได้ไปรับตัวพากลับมาที่บ้านเกิดเหตุ เพื่อค้นหาอาวุธปืน .38 ที่ใช้ก่อเหตุที่อ้างว่าซ่อนไว้หลังบ้าน แต่ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวชี้จุดเกิดเหตุได้มีลุงซึ่งเป็นพี่ชายคนเจ็บ พยายามเข้ามาทำร้าย นายอดิศร ด้วยความโกรธแค้น แต่ตำรวจได้กันตัวเอาไว้และรีบพาขึ้นรถไปยังสภ.หาดใหญ่ เพื่อป้องกันความวุ่นวายบานปลายจากญาติที่ต่างโกรธแค้น ส่วนพี่ชายคนเจ็บ ที่จะเข้ามาทำร้ายถึงกับหน้ามืดทรุดตัวนั่งลงกับพื้่นหน่วยกู้ชีพเทศบาลเมืองคลองแหต้องช่วยปฐมพยาบาลและพาตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่
จากการสอบปากคำ นายอดิศร เบื้องต้นให้การว่า หลังจากที่ยิงแม่ยายแล้ว ทีแรกจะเดินไปขึ้่นรถเก๋งแต่ถูกพ่อตาตามไล่หลังมาและตะโกนให้คนช่วยจับตัวและบอกให้ยิงตน จึงวิ่งหนีมาเรื่อยๆและมาออกตรงหน้าสวนสาธารณะหาดใหญ่ ทีแรกจะเข้ามอบตัวที่สภ.หาดใหญ่ แต่ก็กลัวว่าจะไม่ปลอดภัยเพราะญาติพี่น้องแม่ยายเป็นตำรวจอยู่จึงเดินมาเรื่อยๆและระหว่างทางก็ขออาศัยรถชาวบ้านบ้างอ้างว่ารถเสียจนมาถึงปั้มน้ำมันในพื้นที่ต.บ้านพรุ ระหว่างนั้นได้โทรศัพท์กลับไปหาพ่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังและขอช่วยให้เด็กปั้มโทรไปหาตำรวจสภ.ทุ่งลุง เพื่อให้มารับตัวเพราะเดินไปมอบตัวไม่ไหว
นายอดิศร เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ส่วนสาเหตุมาจากแม่ยาย พาลูกเมียของตนกลับมาอยู่ที่บ้าน เพื่อให้ห่างกัน ก่อนเกิดเหตุบอกกับตนว่ากำลังจะมีคนมาขอเมียตนแต่งงานเพราะอยู่กับตนลำบาก ซึ่งทำให้ตนช็อกมากเพราะอยู่กินกันมา 13 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน อายุ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี และตนกับเมียก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันที่ผ่านมาก็ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นโดยแยกกันอยู่กับเมียมาประมาณ 2 เดือน เริ่มจากแม่ยายไปรับลูกเมียตนจากบ้านมากินหมูกะทะ แต่พอจะไปรับกลับ ก็ไม่ให้กลับบอกว่าไม่ให้อยู่ด้วยกันแล้ว และตลอด 2 เดือนก็ได้ยินจากปากลูกบ้าง เห็นชายคนดังกล่าวไปกับเมียบาง ก็เคยเข้าไปบอกตรงๆอย่ามายุ่งกับลูกเมียตน
กระทั่งเมื่อวานนี้แม่ยายบอกว่าจะมีคนมาสู่ขอเมียตน ซึ่งฟังแล้วมันแทงใจดำมาก ตนขอมานอนที่บ้านแม่ยาย 1 คืนเพื่อคุยกับเมียว่าถ้าไม่อยู่ด้วยกันแล้วก็บอกตรงๆจะได้ทำใจ แต่ว่าเมียกลัวเสียความรู้สึกไม่กล้าบอกตรงๆ และบอกว่าจะให้คำตอบในวันนี้ตอนค่ำก็เลยขับรถมาหาเมียที่บ้านแม่ยาย โดยพกปืนมาด้วยความตั้งใจจริงไม่ได้จะมายิงแม่ยายแต่จะมายิงหัวตัวเองในบ้านแม่ยาย ด้วยความที่เจ็บใจทั้งเมียและแม่ยาย และก่อนหน้านี้ก็คุยกับเมียทางมือถือไว้ก่อนแล้วว่าถ้าตนตายก็ให้มาร่วมงานศพและบอกให้ซื้อของมาเตรียมไว้ และยังบอกกับแม่ยายด้วยว่าถ้าไปงานศพตนอย่าไปทะเลาะกับแม่ตน และยังได้ลาพ่อลาแม่มาแล้วด้วยเพราะเหนื่อยกับชีวิตมามาก และตอนที่มาที่บ้านแม่ยายก็บอกกับเมียว่าขอกินข้าวด้วยกันเป็นมื้อสุดท้ายด้วยความที่เจ็บใจ และคำตอบที่ได้จากปากเมียคือมันเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะกลับไปเหมือนเดิมตนถึงกับกินข้าวไปร้องให้ไป และถึงกับกราบตีนเมียอ้อนวอนขอให้กลับมาอยู่ด้วยกันเพราะรักเมียรักลูกมาก
เบื้องต้นตำรวจทำบันทึกการจับกุมพร้อมแจ้ง 4 ข้อหาคือพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,พกพาอาวุธปืนติดตัวเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ,มีอาวุธปืนซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง,ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรเร่งด่วน ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีต่อไป