สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ว่า กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ ขึ้นบัญชีดำพลเมืองเกาหลีเหนือ 11 คน หนึ่งในนั้นคือ นายโช ชอล-มิน นักการทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ฐานมีความเกี่ยวข้องกับการจัดหาส่วนประกอบสำหรับขีปนาวุธนำวิถี และ “สินค้าใช้ได้สองทาง” อีกหลายประเภท
(URGENT) S. Korea imposes sanctions on 11 N. Korean individuals, 4 entities over ICBM launch https://t.co/Z5icIMPmO8
— Yonhap News Agency (@YonhapNews) November 1, 2024
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ระบุเกี่ยวกับการขึ้นบัญชีดำบริษัทอีก 4 แห่ง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งแรงงานชาวเกาหลีเหนือออกไปทำงานในต่างประเทศ ที่เป็นหนึ่งในช่องทางสร้างรายได้เข้าสู่รัฐบาลเปียงยาง ของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันของเกาหลีเหนือ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเกาหลีใต้เกิดขึ้น หลังเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จ การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) รุ่นล่าสุด “ฮวาซอง-19” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงแข็ง ซึ่งยิงง่ายกว่าเครื่องยนต์หลายแบบ แต่ตรวจจับและทำลายได้ยากกว่า โดยรัฐบาลเปียงยางกล่าวว่า “เป็นขีปนาวุธนำวิถีซึ่งทรงพลังที่สุด”
Hwasong-19 ICBM is N. Korea's largest long-range missile yet: S. Korean military https://t.co/M7jIoiwNbG
— Yonhap News Agency (@YonhapNews) November 1, 2024
เกาหลีเหนือกล่าวว่า การทดสอบครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับ “นโยบายการป้องปรามด้านนิวเคลียร์” ของประเทศ และ “เป็นการส่งสัญญาณไปยังบรรดาปรปักษ์” ให้ได้ประจักษ์ถึง “ขีดความสามารถในการตอบโต้” ด้านนิวเคลียร์
ส่วนข้อมูลข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเพิ่มเติมว่า เกาหลีเหนือยิงไอซีบีเอ็มลูกนี้ในลักษณะวิถีโค้ง ซึ่งขีปนาวุธเคลื่อนที่อยู่ในอากาศได้นานประมาณ 86 นาที เดินทางได้ไกลเป็นระยะทางราว 1,000 กิโลเมตร ที่ระดับความสูงประมาณ 7,000 กิโลเมตร จากฐานยิงในกรุงเปียงยาง และตกลงในทะเลตะวันออกหรือทะเลญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม หากยิงในมุมปกติ ไอซีบีเอ็มลูกดังกล่าว สามารถเดินทางได้ไกลถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ.
เครดิตภาพ : AFP