เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะ ผู้อำนวยการศปช. กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกันของคณะทำงานตลอดกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ประเมินผลทั้ง ศปช.ส่วนกลางและ ศปช.ส่วนหน้า พบว่า ในพื้นที่ส่วนหน้าได้แก้ปัญหาอุทกภัยและฟื้นฟูผลกระทบจากดินโคลนถล่มจนแล้วเสร็จ และได้ส่งมอบพื้นที่คืนให้กับส่วนราชการในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากปัจจุบันยังมีสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ทั้งภาคกลางและภาคใต้
โดยเฉพาะ 11 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ และ ตรัง ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 6 พ.ย. นี้ ซึ่งได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนทันทีที่เกิดสถานการณ์
“ศปช.มีความห่วงใยพี่น้องทางภาคใต้ ที่หลายจังหวัดมีโอกาสเกิดฝนตกหนักได้ จึงสั่งเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งปริมาณฝน ความลาดชันของพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ได้ให้หน่วยงานต่างๆ ลงไปสำรวจจุดเสี่ยงในความรับผิดชอบของตัวเอง แล้วให้รายงานกลับเข้ามา โดยจะประเมินสถานการณ์ใกล้ชิดต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ย.นี้ ขณะเดียวกัน ศปช.ยังได้ตั้งคณะทำงานศึกษาวางแผนแก้ปัญหาน้ำท่วม ดินโคลนถล่มภาคเหนือ เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งคณะทำงานชุดนี้ยังต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ซ้ำรอยเหมือนปีที่ผ่านมา” นายจิรายุ กล่าว
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ศปช.ได้บริหารจัดการน้ำเพื่อให้สามารถลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนลงไม่ให้เกิน 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อให้จุดที่ต่ำที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณคลองโผงเผง คลองบางบาล และแม่น้ำน้อย ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.อ่างทอง ไม่มีผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งคาดจะใช้เวลาอีกราว 1 สัปดาห์.