เมื่อเวลา 20.50 น. วันที่ 5 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) หลังการสอบปากคำน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย นานกว่า 11 ชม. เจ้าตัวได้เดินลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพียงสั้นๆว่า ไม่รู้สึกกังวลที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มมาเปิดตัวแถลงข่าวในวันนี้ และไม่มีผลใดๆกับตนเองทั้งสิ้น และยังไม่ได้ฟังการสัมภาษณ์อย่างละเอียดเพราะอยู่ระหว่างการสอบปากคำตลอดทั้งวัน ส่วนประเด็นอื่นๆไม่ขอพูดถึงและขอให้ทนายความเป็นผู้ให้ข้อมูล ก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษและเดินถอยออกจากวงสัมภาษณ์ขึ้นรถตู้ไป

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามในระหว่างที่เจ๊อ้อยอยู่บนรถตู้ว่ายังสู้หรือไม่ เจ้าตัวก็มีรอยยิ้ม และยกมือ 2 นิ้วตามที่ผู้สื่อข่าวถามว่าหากยังสู้ให้ยกนิ้วขึ้นเจ้าตัวก็เพียงแต่ยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มเท่านั้น พร้อมกับมอบหมายให้นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความเป็นผู้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนแทน

ด้าน นายสมชาติ เปิดเผยว่า การเข้าให้ปากคำในวันนี้ส่วนตัวมองว่าน่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วและพนักงานสอบสวนไม่น่าจะมีการเรียกน.ส.จตุพร มาให้ปากคำเพิ่มเติมอีก 

สำหรับกรณีที่ทนายตั้มได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าน.ส.จตุพร ได้โอนเงินจำนวน 39 ล้านบาท ให้สแกมเมอร์นั้น ทนายความยืนยันว่ามีการโอนจริงโดยโอนให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ส่วนนี้ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพราะเกรงว่าจะกระทบกับรูปคดี พร้อมยืนยันว่าสแกมเมอร์นั้นมีอยู่จริงและมีส่วนเชื่อมโยงกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น

เบื้องต้นทางลูกความได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว ส่วนจะเข้าฐานความผิดต่อรัฐหรือไม่ ก็เป็นอำนาจของเจ้าพนักงาน ซึ่งแม้ว่าผู้เสียหายไม่เอาเรื่อง รัฐก็สามารถเอาผิดได้  เช่น ความผิดที่เกี่ยวข้องกับภาษี พร้อมย้ำว่า สาเหตุ ที่มีการดำเนินคดีกับทนายตั้มนั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของธุรกิจ ที่ผู้เสียหายมีการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของสัญญาว่าจ้างเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย แต่ไม่ได้รับงานตามข้อตกลง.