เมื่อวันที่ 6 พ.ย. นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ที่ขยายตลาดในกลุ่มลูกค้ารายใหม่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ กำลังทำให้ประเทศอังกฤษ เผชิญปัญหาขยะจากบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียวถูกทิ้งเกลื่อนกลาด ก่อให้เกิดปัญหาปริมาณขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 4 เท่า โดยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจากบุหรี่ไฟฟ้า ถูกทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อมมากกว่า 40 ตัน ทำให้สารโลหะหนักในบุหรี่ไฟฟ้า เช่น ตะกั่ว และปรอท รั่วไหลลงสู่สิ่งแวดล้อม เกิดการสะสมและปนเปื้อนในน้ำจนสร้างพิษต่อสิ่งมีชีวิตและสัตว์ป่า เกิดสารพิษตกค้าง และทำลายระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหานี้รัฐบาลอังกฤษจึงออกกฎหมาย ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียว โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย. 2568
นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผอ.กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กล่าวว่า จากบทเรียนของประเทศอังกฤษ ที่อนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้พบปัญหา ทั้งอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนเพิ่มสูงขึ้น และยังเพิ่มปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์จากบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง จนเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การคงมาตรการห้ามนำเข้า ห้ามผลิตและห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นมาตรการที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย ในการป้องกันการเกิดนักสูบหน้าใหม่ รวมถึงเป็นการปกป้องระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของประเทศได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค โทร. 0-2590-3850 เพื่อร่วมสร้างสังคมไทยปลอดบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า.