จากกรณีศูนย์กู้ภัยมูลนิธิประชาร่วมใจเขตอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ กรณีเรือประมงขนาดเล็ก โดนลมพายุพัดกระหน่ำ ล่มกลางทะเล ว่าเรือจมห่างจากฝั่งปากน้ำท่าหมาก หมู่ 10 ตำบลเสาเภา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 4-5 กิโลเมตร โดยทราบชื่อผู้ประสบภัย 2 คน ประกอบด้วยนายบุญเสริญ แซ่หลี 63 ปี และนายศุภโชค แซ่หลี อายุ 40 ปีเศษ ทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน และเป็นราษฎรหมู่ที่หมู่ 10 ตำบลเสาเภา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทั้งสองพ่อลูกใช้แกลลอนน้ำมันพยุงร่างท่ามกลางคลื่นลม เพื่อรอรอการช่วยเหลือ เหตุเกิดเวลา 11.30 น. วันที่ 8 พ.ย.
ล่าสุด เจ้าหน้าที่กู้ภัยประชาร่วมใจและกู้ภัยมูลเพชรเกษม ตำรวจน้ำขนอม และเรือตรวจการประมงสิชล ได้ร่วมกันนำเรือประมงขนาดกลาง และเจ็ตสกี พร้อมวัสดุอุปกรณ์ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ออกเดินทางจากฝั่งปากน้ำท่าหมาก เพื่อค้นหาสองพ่อลูกผู้ประสบภัย ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงพบทั้งคู่ลอยคออยู่กลางทะเลลึก ท่ามกลางคลื่นลมค่อนข้างรุนแรง จึงทำการช่วยเหลือนำขึ้นเรือประมง และนำสองพ่อลูกกลับเข้าฝั่งปากน้ำท่าหมาก หมู่ 10 ตำบลเสาเภา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช อย่างปลอดภัย ท่ามกลางความดีใจของญาติพี่น้องและประชาชนจำนวนมาก ที่มาเฝ้ารออยู่บริเวณปากน้ำท่าหมาก
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/11/1731050319810.jpg)
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/11/1731050732706.jpg)
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/11/1731050418216.jpg)
นายบุญเสริม กล่าวว่า ตนพร้อมลูกชายได้นำเรือประมงขนาดเล็ก หรือเรือหางยาว ออกไปจับปลากลางทะเลตามปกติเหมือนกับทุกวันตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ แม้ทางกรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเตือนมรสุมในช่วงนี้ แต่กลางทะเลกลับมีคลื่นลมไม่มากนัก สาเหตุที่ทำให้เรือล่มหรืออับปาง ไม่ได้เกิดจากลมมรสุมโดยตรง แต่เกิดจากอวนไปติดโขดหินหรือปะการังใต้น้ำ และตนพยายามที่จะดึงอวนขึ้น จนทำให้เรือเอียง ก่อนพลิกคว่ำอับปางลงอย่างกะทันหัน แต่โชคดีที่ตนและลูกชาย สามารถคว้าแกลลอนน้ำมันพยุงร่างลอยคออยู่กลางทะเลนานกว่า 2-3 ชั่วโมง และพยายามใช้โทรศัพท์ติดต่อญาติขอความช่วยเหลือ จนได้รับการช่วยเหลือรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ดังกล่าว ตนและลูกชายต้องขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่ให้การช่วยเหลือตนและบุตรชายในครั้งนี้.