นับเป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่น่ารักมาก สำหรับครอบครัวของนักร้องหนุ่ม “แดน วรเวช” และภรรยาสาว “แพทตี้ อังศุมาลิน” ที่หลังจากมีสมาชิกแฝดชายหญิงหน้าตาน่ารักน่าชังอย่าง “น้องลิกก้า” และ “น้องโรร่า” เข้ามาเป็นโซ่ทองคล้องใจคุณพ่อคุณแม่ ก็ยิ่งทำให้เห็นถึงความน่ารักของครอบครัวนี้ จนแฟนคลับพากันเอ็นดูเจ้าแฝดน้อยกันอย่างมากมาย


ล่าสุด แดน วรเวช ได้ควง แพทตี้ ออกงานและเปิดใจกับสื่อมวลชน หลังจากได้ทำหน้าที่คุณพ่อคุณแม่แบบเต็มตัวไปเกือบ 3 เดือน ถึงความเปลี่ยนไปในชีวิตของทั้งคู่ แผนการดูแลลูกในอนาคต โดยแพทตี้เผยว่า


“ตื่นมาปั๊มนมให้ลูกทุก 3 ชั่วโมง เพิ่งเข้าใจที่เขาบอกว่าให้นอนเยอะๆ ยังไงก็รู้สึกนอนไม่พออยู่ดี ชีวิตเปลี่ยนไปตั้งแต่คลอดลูก หลังจากนั้นไม่เคยได้นอนยาวอีกเลย ตอนนี้เราสองคนรับกะในตอนกลางคืน ตอนกลางวันจะมีคุณแม่มาช่วย พี่แดนเป็นตัวเมนในยามค่ำคืน หลังๆ หนูก็สงสารเขา ปลุกแล้วเราไม่ตื่นอาจจะเพราะความล้า เขาก็รับหน้าที่ให้นมลูกแทน เขาทำหน้าที่ได้เยี่ยมมาก เรื่องรูปที่เป็นไวรัลตอนนั้นเราเห็นเค้านอนกันน่ารักๆ เลยอยากมีโมเมนต์มากเลยขอแทรกตัวเข้าไประหว่างกลาง บังเอิญเค้าเห็นจอเค้าเลยมองเลยได้ชอตนั้นมา แต่ก็ไม่ได้มาง่ายๆ เพราะปกติเวลาถ่ายรูปด้วยกันคนหนึ่งมองว่าเป็นคนหนึ่งไม่มองบ้างก็ถือว่ายากอยู่ ถามว่าจะมีลูกเพิ่มเลยไหม ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าพักก่อน สองคนคล่องตัวดี จะบอกว่าก่อนหน้านี้มันเหนื่อยมากจริงๆ ไม่คิดว่าจะเหนื่อยขนาดนั้น เพราะเราพยายามเลี้ยงให้ดีมากที่สุด ล่าสุดพี่แดนโทรฯ ไปจองโรงเรียนแล้ว พี่แดนโทรฯ ไปแล้ว เขาถามว่าลูกอายุเท่าไหร่ เราก็ตอบไปว่าสองเดือน เขาก็ตอบว่าเร็วเหมือนกันนะคะ ตอนนี้ก็กลับมาเริ่มรับงานแล้วแต่จริงๆ จะดูที่งานมากกว่าที่ไม่กระทบกับน้องก็มาได้แต่ละครยาวคือยังขอพักก่อน”

แดน เผยว่า “ตอนกลางคืนเราจะไม่อยากให้ลูกร้องหรือตื่นพร้อมกัน เพราะกลัวว่าพอลูกร้องแล้วแพทตี้จะตื่น เราอยากให้เขานอนยาวๆ เพราะฉะนั้นเราจะต้องบริหารจัดการลูก ทำความเข้าใจว่านิสัยคนไหนเป็นยังไง อย่างน้องลิกก้าเขาจะกินนมรวดไม่ได้ จะต้องกินครึ่งหนึ่งแล้ววาง แล้วนำน้องโรร่าซึ่งกินเก่งกว่ามาอัดทีเดียวจบ จากนั้นกล่อมๆ แล้วก็ให้นอน แล้วต่อที่น้องลิกก้า ซึ่งถ้าวันไหนระบบมันจบแบบนี้ได้ เราจะดีใจมากแล้วก็จะยืนมองกับดีใจ เวลาเราเลี้ยงเล่นกับเขา เราจะให้เขาดูกระจกซึ่งเขาจะชอบดูกระจกดูตัวเอง คุยกับตัวเองและเวลาเซลฟี่คงเหมือนกับการมองกระจกเขาก็เลยเล่นกล้องด้วย แต่เราก็ไม่ได้ถ่ายเค้าเยอะ นานๆ เราก็จะลง ช่วงนี้หลายๆครั้งที่เราเล่นกับเขาคุยกับเขา เขาก็จะหัวเราะกับเราแต่เมื่อไหร่ที่เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาจะเปลี่ยนสถานที่ไม่มองจอและไม่ยิ้ม แล้วเราก็หยุดถ่ายแล้วมาเล่นกับเขาอย่างเดียว เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกว่าการถ่ายรบกวนเขา เราก็จะหยุด เราอยากให้เขามีโมเมนต์กับเรามากกว่าการถ่ายเพราะเมื่อไหร่ที่เราหยุดเล่นมือถือเค้าไม่เอาเลยนิ่งเลย ตอนนี้หน้าลูกก็เปลี่ยนไปเยอะ เราดูเองเราไม่ค่อยรู้แต่จะดูจากคอมเมนต์มากกว่าว่าเป็นแฟนเขามองว่าใครเหมือนใครเสียงก็แตกอยู่นะ มีเสียงแตกไปถึงปู่ย่าตายาย ผมว่าน้องลิกก้า เหมือนแพทแต่ได้ผิวผมไป ส่วนน้องโรร่าตอนนี้ไม่รู้ว่าเหมือนใคร มีลักยิ้มเหมือนผมแต่ตอนนี้ลักยิ้มหายไปมีแต่แก้ม แต่อย่างน้อยก็เป็นอย่างที่การันตีว่าเป็นลูกเรา

จะมีลูกอีกเลยมั้ย คือตอนนี้อะไรมันก็ยังไม่ได้ลงตัวซะทีเดียว มีหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้ในเรื่องของพัฒนาการของเขา โรงเรียนหรืออะไรหลายๆ อย่างที่มันยังไม่นิ่งเพราะมันยังไม่ดี แต่ก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ ก็โฟกัสสองคนนี้เขาเติบโตมาดีที่สุดก่อน ตอนนี้ก็คุยเรื่องโรงเรียนแล้วจองไว้สองโรงเรียน เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าเพราะการหาโรงเรียนมันต้องใช้หลายข้อมูลในการตัดสินใจ ค่าใช้จ่ายด้วย หลักสูตรด้วย แบบไหนที่เหมาะกับลูกเรามากที่สุด เพราะแต่โรงเรียนที่เราเลือกเป็นหลักสูตรที่แตกต่างกันหมดเลย ซึ่งเราต้องการที่จะรู้ว่าหลักสูตรที่ดีหรือเหมาะกับลูกเราในอนาคต ตอนนี้ก็ยังไม่ตัดสินใจหรอก แต่รอจนกว่าเราจะเริ่มดูแล้วก็เห็นว่าลูกคนนี้เป็นสายวิชาการอาจจะต้องเข้าหลักสูตรนี้ ลูกคนนี้ชอบเล่น มีความคิดสร้างสรรค์ก็ต้องเป็นหลักสูตรนี้ คงต้องเรียนโรงเรียนเดียวกันเพราะเรื่องไปรับไปส่ง แต่อาจจะเป็นคนละหลักสูตร ถ้าเป็นกิจกรรมเราอาจจะมองว่าต้องแยก เพราะลูกชอบไม่เหมือนกัน”

แดน เผยต่อว่า “เรื่องงานเราต้องปฏิเสธงานมากขึ้นเพราะเรื่องเวลา อย่างที่บอกว่าเราแทบปล่อยมือไม่ได้เลย เพราะว่าเราต้องโฟกัสมากๆ ต่อให้เริ่มมีพี่เลี้ยงบ้างแล้ว เราเองก็ต้องคอยดูแล หลักๆ เพราะผมอยากจะให้ลูกสื่อสารกับเรามากที่สุด รู้วิธีของเรา และเราก็จะได้รู้จักนิสัยใจคอของลูกมากขึ้น เลยอยากจะมีเวลากับเขาให้ได้มากที่สุด ซึ่งวางไว้ได้ประมาณ 3-5 ปี จะเป็นช่วงที่ใช้เวลาอยู่กับเขาให้เยอะ อาจจะเดินทางท่องเที่ยวได้บ้าง ทำกิจกรรมด้วยกัน มากสุดก็คงจะเป็นผมทำ YouTube ซึ่งก็จะมีเขาอยู่ด้วย ส่วนงานอื่นๆ อาจจะต้องขอพักไว้ก่อน เรื่องค่าใช้จ่ายเราวางแผนไว้แล้ว คือตอนที่เราตัดสินใจว่าเราจะมีลูก เราดูเงินแล้วว่าเราสองคนดูแลเขาได้จนถึงช่วงอายุที่เราต้องการหรือยัง แต่ก็คุยกันว่าเราคงไม่ได้ส่งจนถึงตลอดชีวิต คงต้องมีช่วงเวลาที่บอกเขาว่าพ่อแม่ดูแลลูกจนถึงเท่านี้ หนูก็ต้องเริ่มรู้แล้วว่าจะต้องทำงานหาเงินอย่างไร แต่ระหว่างนี้เราก็จะสอนวิธีทั้งหมด แล้วมันก็เป็นเรื่องของการวางแผนการลงทุนต่างๆ ที่เราจะต้องจัดการด้วย เพราะถ้าเราไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินจากตรงไหนที่สามารถ Support เราได้ ในเรื่องของคอนเสิร์ตตอนนี้ก็เป็นห่วงอยู่นิดนึง แต่พยายามแบ่งเวลาให้ดีว่าใครจะมาช่วย ตอนนี้ก็มีญาติๆ ของน้องแพท คุณแม่เริ่มมาคอยช่วยในวันที่ผมต้องออกไปซ้อมคอนเสิร์ต วันใกล้ๆ คอนเสิร์ตอาจจะต้องหาคนช่วยป้อนนม แต่ในระหว่างซ้อมเดือนนี้อาจจะต้องป้อนนมไป ซ้อมคอนเสิร์ตไป”

ขอบคุณภาพประกอบจาก:pattieung