เมื่อวันที่ 11 พ.ย. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่กรมที่ดิน มีมติไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นข้อพิพาทกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า เรื่องนี้มีความสำคัญ ถ้าที่ดินตรงนั้นเป็นของการรถไฟฯ แม้กระทั่ง 1 ตารางวาก็เสียไปไม่ได้ จึงให้การรถไฟฯ ไปตรวจสอบดู ซึ่งเมื่อวานนี้การรถไฟฯ ยื่นขอต่อศาลปกครองกลาง แจ้งเหตุว่า อธิบดีกรมที่ดิน ปฏิบัติตามคำพิพากษาไม่ครบถ้วน ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาศาลปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 75/3 โดยขอให้ศาลปกครองพิจารณา หรือไต่สวน กำหนดวิธีการดำเนินการ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ในการร่วมกันชี้แนวเขตที่ดินของการรถไฟฯ จึงเห็นควรแถลงข้อเท็จจริงให้พิจารณาในประเด็นคำสั่งดังกล่าวต่อไป
นายสุริยะ กล่าวว่า วันนี้ (11 พ.ย. 67) ผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้ทำหนังสือยื่นไปยังกรมที่ดิน เพื่อคัดค้านหนังสือของอธิบดีกรมที่ดินตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง ซึ่งในข้อกฎหมายระบุว่า ต้องยื่นภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) วันนี้จึงดำเนินการส่งไปเรียบร้อยแล้ว และอีกประเด็นคือ จะทำอย่างไรในการศึกษาข้อกฎหมาย โดยการรถไฟฯ จะไปหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อสามารถฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่เข้ามา 900 กว่าแปลงได้อย่างไร ซึ่งขั้นตอนนี้ยังมีเวลา
เมื่อถามว่า ปัญหาที่เขากระโดงเรื้อรังมายาวนาน จะเคลียร์ปัญหาให้จบในสมัยรัฐบาลนี้หรือไม่ นายสุริยะ ยืนยันว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย หากกฎหมายว่าอย่างไร ตนไม่ดำเนินการช้าอยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่าจำเป็นต้องพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย หรือไม่ นายสุริยะ มองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ โดยกรมที่ดิน ให้เหตุผลว่าการรถไฟฯ มีหลักฐานไม่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ เชื่อว่ามีหลักฐานเพียงพอ จึงได้ดำเนินการไป
เมื่อถามว่าขณะนี้มีการตั้งข้อสังเกตการเอื้อผลประโยชน์ เพราะมีที่ดินหลายแปลงเป็นของตระกูล “ชิดชอบ” นายสุริยะ ระบุว่า ไม่อยากให้ขยายเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง แต่อยากให้ว่าไปตามกระบวนการ เมื่ออธิบดีกรมที่ดินชี้แจงมาแบบนี้ แต่การรถไฟฯ เห็นว่า ไม่ใช่ ก็ต้องรักษาสิทธิของการรถไฟฯ ไว้
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะสามารถจบได้ในระดับของเจ้าหน้าที่และไม่ขยายวงไปจนถึงระดับการเมืองใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อย่านำเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงว่า ใครอยู่พรรคไหน
