เมื่อวันที่ 11 พ.ย. นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวถึงกรณีที่ สส.พรรคร่วมรัฐบาล เรียกร้องให้กระทรวงเกษตรฯ ชี้แจงความชัดเจนเรื่องเงินช่วยเหลือชาวนา นั้น ล่าสุดวันนี้ (11 พ.ย.) ชี้แจงว่า ขณะนี้มีชาวนาเรียกร้องให้รัฐบาล อนุมัติให้ช่วยเหลือชาวนาโดยดำเนินโครงการไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือไม่เกินครัวเรือนละ 20,000 บาท ในปีการผลิต 2567/68 เนื่องจากราคาข้าวตกต่ำ เนื่องจากเป็นช่วงที่ข้าวออกสู่ตลาดมาก เดือน พ.ย. และ ธ.ค. 67

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอยืนยันว่า ได้ติดตามดำเนินการและเร่งรัดแก้ปัญหาให้ชาวนา โดยพยายามที่จะจัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือชาวนา เช่น โครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2567/68 โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2567/68 และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2567/68 ซึ่งทั้ง 4 โครงการนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. จะได้เร่งรัดการดำเนินการขั้นตอน ระเบียบ และกฎหมายต่อไป

นายเอกภาพ ยอมรับว่า โครงการไร่ละ 1,000 บาท ในขณะนี้ ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 กำหนดเป็นหลักการว่า “ในการจัดทำมาตรการ โครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร และภาคเกษตรต่อจากนี้ไป ให้ทุกหน่วยงานหลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชย หรือประกันราคาสินค้าเกษตร โดยตรงแก่เกษตรกร และให้พิจารณาดำเนินมาตรการ โครงการ ในลักษณะที่เป็นการสนับสนุน การเพิ่มระดับผลิตภาพ (Productivity) ของภาคการเกษตร การพัฒนาภาคเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทาน หรือเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก้สินค้าเกษตร ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกร สามารถสร้างรายได้ของตนเอง ได้อย่างเพียงพอ ได้ในระยะยาว และดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และมีความยั่งยืนต่อไป”

โดยในแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับทราบ และเข้าใจความเดือดร้อนของชาวนา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการดำเนินงานตามระเบียบให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกร อนึ่ง การพิจารณาแผนงาน โครงการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จะต้องผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติเพื่อการผลิต (เพิ่งแต่งตั้ง) และคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ต่อไป ซึ่งจะได้ความชัดเจนใน 2 สัปดาห์ถัดไป