เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สว.กก.5 บก.ป. พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) นายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ รองผู้ว่าการสายงานปฏิบัติการระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และนายปานทอง ถินสถิตย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการปฏิบัติการระบบไฟฟ้า (ปฏิบัติการโครงข่ายระบบไฟฟ้า) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมกันเเถลงข่าว “ปฏิบัติการ shutdown เหมืองขุดบิตคอยน์ ดัดแปลงมิเตอร์ลักกระแสไฟฟ้า”

โดยเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัย ในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 9 หลัง ตามหมายค้นของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมตรวจยึดของกลางประกอบด้วย เครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (บิตคอยน์) ซึ่งกำลังถูกเปิดใช้งานอยู่ขณะเข้าตรวจค้น 111 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ พร้อมจอภาพ 7 ชุด อินเทอร์เน็ตเราเตอร์ (Router) 10 ชุด และเครื่องมิเตอร์ไฟฟ้าซึ่งถูกแก้ไข ดัดแปลง 10 เครื่อง พร้อมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 ราย ได้แก่ นายณัฐพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี และนายอาทิตย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ตรวจสอบพบมูลค่าความเสียหายจากการตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้า พบว่าหากไม่มีมีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า เครื่องขุดบิตคอยน์ของกลางจำนวน 111 เครื่อง จะต้องเสียค่าไฟเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าคนร้ายได้ก่อเหตุมาแล้วเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี คาดการณ์ความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท

สืบเนื่องจากก่อนการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้รับแจ้งจากพลมืองดีว่ามีบ้านต้องสงสัยเป็นอาคารพาณิชย์ จำนวน 1 หลัง ซึ่งมีชายวัยรุ่นเช่าไว้โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัย แต่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บริเวณรอบบ้าน ทำให้สงสัยว่าอาจใช้ในการติดตั้งเครื่องซิมบ็อกซ์ (Sim Box) ที่คนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้สำหรับแปลงสัญญาณโทรศัพท์ไปหลอกลวงผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้ลงพื้นที่ดำเนินการ สืบสวนในทุกมิติ จนทราบว่าผู้เช่าบ้านดังกล่าวคือ นายณัฐพงษ์ อายุ 30 ปี และทราบว่า นายณัฐพงษ์ ยังได้เช่าอาคารพาณิชย์และติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัยในลักษณะเดียวกันอีก 6 แห่ง และยังเป็นเจ้าของบ้านเดียวอีก 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 9 แห่ง จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายณัฐพงษ์ พบว่ามีธุรกรรมที่ต้องสงสัย ในห้วงเดือน ม.ค. 66 ถึง ก.ย. 67 มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท จึงเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เพื่อตรวจสอบการใช้กระแสไฟฟ้าของบ้านต้องสงสัย ผลการตรวจสอบพบว่าบ้านดังกล่าวมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่สูงผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือน จึงน่าเชื่อว่ามีการลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อลักกระแสไฟฟ้าและนำไปใช้เปิดการทำงานของเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (บิตคอยน์) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกหมายค้นบ้านต้องสงสัยทั้ง 9 จุด ต่อมาวันที่ 7 พ.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยทั้ง 9 จุด และจับกุมดังกล่าว ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามนายณัฐพงษ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตั้งแต่ประมาณปลายปี พ.ศ. 2566 ได้หาเช่าบ้านเพื่อต้องการใช้เป็นสถานที่ติดตั้งเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล (บิตคอยน์) และได้เริ่มทยอยสั่งซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์มือสองผ่านทางกลุ่มเฟซบุ๊ก แล้วนำมาติดตั้งในบ้านแต่ละหลัง โดยว่าจ้างให้นายอาทิตย์ ทำหน้าที่ดัดแปลงมิเตอร์ไฟ เพื่อทำให้วัดปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และได้เปิดใช้งานระบบเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล (บิตคอยน์) ดังกล่าวเรื่อยมา จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น ตรวจยึดและดำเนินคดีในที่สุด ส่วนด้านนายอาทิตย์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าได้ทำหน้าที่ดัดแปลงมิเตอร์ของการไฟฟ้า เพื่อให้อ่านค่าได้น้อยกว่าความเป็นจริง และติดตั้งระบบไฟเพื่อใช้งานกับเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (บิตคอยน์) โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าจ้างจากนายณัฐพงษ์