เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สนามเลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี แทนตำแหน่งว่าง หลังวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี ลาออก ก่อนหมดวาระกว่า 2 เดือน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 67 เป็นต้นไป กกต.จึงกำหนดให้มีการสมัครรับเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 10-14 ต.ค. 67 และกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 24 พ.ย. 67 ทั้งนี้ มีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. 3 คน
โดยฐานอำนาจเก่า “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “สส.ป๊อบ” ศราวุธ เพชรพนมพร ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรองนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายความมั่นคง) และอดีต รมว.ยุติธรรม ป้องกันแชมป์แทนวิเชียร ขาวขำ อดีตนายก อบจ.อุดรธานี เป็นผู้สมัคร เบอร์ 2 ส่วนค่ายสีส้ม “พรรคประชาชน” หนุน “ทนายแห้ว” คณิศร ขุริรัง อดีตรองนายก อบจ.อุดรธานี เป็นผู้สมัคร เบอร์ 1 ขึ้นชิงแชมป์ ขณะที่ผู้สมัครเบอร์ 3 “ดร.ปอน” ดนุช ตันเทอดทิตย์ จากพรรควิถีใหม่ อดีตเลขานุการ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อดีตผู้ช่วย รมว.อุดมศึกษาฯ คงทานกำลังพลของ สส.ป๊อบและทนายแห้วไม่ไหว และทำได้แค่ชิมลาง เป็นเพียงไม้ประดับ และสร้างสีสันให้กับสนามเลือกตั้งในครั้งนี้เท่านั้น
ทุกสายตารอบทิศทาง จึงโฟกัสไปที่ผู้สมัครเบอร์ 1 “ทนายแห้ว” คณิศร ขุริรัง กับ เบอร์ 2 “สส.ป๊อบ” ศราวุธ เพชรพนมพร ซึ่งดูเหมือนจะเลือกง่าย แต่อาจตัดสินใจยาก เพราะชื่อชั้น ดีกรี ของคู่ชิงชัยไม่ธรรมดา ดูค่าย ดูฟอร์มและกระดูกมวยแล้ว มีลำหักลำโค่นพอฟัดพอเหวี่ยง ถือเป็นมวยคู่เอก ถูกคู่ ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ ซึ่งบรรดากองเชียร์ของทั้ง 2 ฝ่ายและผู้ชม ต่างคาดการณ์ว่าบรรยากาศการแข่งขันเพื่อช่วงชิงคะแนน จึงน่าจะดุเดือดมาก เนื่องจากต่างมีศักดิ์ศรี มีดี มีแบ๊กหนุนหลัง ทั้งกำลังคน และกำลังกระแส ซึ่งแน่ล่ะ จะสะกดคำว่าแพ้ไม่ได้
“สส.ป๊อบ” ศราวุธ เพชรพนมพร การศึกษา ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน การคลัง การธนาคาร ม.อัสสัมชัญ และปริญญาโท สังคมสงเคราะห์ในกระบวนการยุติธรรม ม.ธรรมศาสตร์ ด้านการเมือง คร่ำหวอดการเมืองทุกระดับมานานปี สั่งสมประสบการณ์ทำงาน ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมาอย่างโชกโชน เคยเป็นอดีต ส.อบจ.อุดรธานี และได้รับเลือกให้เป็นรองประธานสภา อบจ.อุดรธานี ตั้งแต่ปี 2538-2542, อดีต สส. 4 สมัย พรรคชาติพัฒนา 2544, พรรคไทยรักไทย 2548, พรรคเพื่อแผ่นดิน 2550, พรรคเพื่อไทย 2554 เคยดำรงตำแหน่ง ผช.รมว.สาธารณสุข, เลขาฯ รมว.สาธารณสุข, รอง เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน, เลขาฯ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และประธานกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ลงสนามเลือกตั้ง สส.ล่าสุด แพ้การเลือกตั้ง จากกระแสความแรงของพรรคก้าวไกล จึงตัดสินใจก้าวสู่สนามการเมืองท้องถิ่น ชิงตำแหน่งนายก อบจ.อุดรธานี แทนนายวิเชียร ขาวขำ ที่วางมือไป หากได้รับเลือกเป็น นายก อบจ.อุดรธานี สามารถทำงานได้ทันที เพราะมีประสบการณ์ ผ่านงานมามาก
ขณะที่ “ทนายแห้ว” คณิศร ขุริรัง การศึกษา นิติศาสตรบัณฑิต ม.รามคำแหง, รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, ประกาศนียบัตรหลักสูตรวิชาว่าความ สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ, ประกาศนียบัตรชั้นสูง (หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง) สถาบันพระปกเกล้า (ปปร.13), วุฒิบัตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง วิทยาลัยการยุติธรรม รุ่นที่ 23 (บ.ย.ส.23) และประกาศนียบัตร หลักสูตรนักการเมืองท้องถิ่นก้าวหน้า รุ่นที่ 1 มูลนิธิคณะก้าวหน้า ด้านการทำงาน สมาชิกสภาเทศบาลนครอุดรธานี 2547-2551, สมาชิกและรองประธานสภา อบจ.อุดรธานี 2549-2551, รองนายก อบจ.อุดรธานี 2552-2555, ประธานสภาทนายความ จ.อุดรธานี (2 สมัย) 2559-2565 แต่ทนายแห้ว จะใช้กลยุทธ์ใด หรือจะใช้สว่านยี่ห้อไหน เจาะให้ฐานเพื่อไทยแตก ในเมื่อพื้นที่นี้ คือเมืองหลวงของคนเสื้อแดง
โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านในการเปิดเวทีปราศรัยรณรงค์หาเสียง ที่ศาลาหน้าวัดรัตนมงคล ต.อูบมุง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ได้ขึ้นมาเช็กเรตติ้งให้ทนายแห้ว และล่าสุดวันที่ 15 พ.ย. 67 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียง และแกนนำพรรคประชาชนอีกหลายคน ก็จะกรีธาทัพมาตีปี๊บช่วยทนายแห้วหาเสียง หวังดูดคะแนนจากคนรุ่นใหม่ ตามกลยุทธ์การหาเสียงที่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และพรรคประชาชน ถนัด
ฝั่ง สส.ป๊อบ ก็ไม่ประมาท หลังจากนั่งจับยามสามตามาตั้งแต่เปิดตัวหาเสียง “พญามังกร” ทักษิณ ชินวัตร ศูนย์รวมใจไทยเสื้อแดง ก็ได้ฤกษ์บินด่วนมาบัญชาการรบ รักษาป้อมปราการที่ จ.อุดรธานี 2 วัน คือ 13-14 พ.ย. เพื่อเติมเต็มกำลังใจให้กับ สส.ป๊อบได้ฮึกเหิม และเพิ่มความมั่นใจให้ชาวเมืองเสื้อแดงได้ผ่อนคลายสบายใจว่า สีส้มจะไม่อาจมาปักธง ณ เมืองหลวงของคนเสื้อแดงได้โดยเด็ดขาด
เมื่อกองเชียร์ของ 2 ฝ่าย ดาหน้ากันมาเป็นกองทัพแบบฟูลทีมอย่างนี้ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือเป็นแม่เหล็ก ดูดคะแนนให้ผู้สมัครของฝ่ายตน ความมันก็ย่อมบังเกิด บรรยากาศการหาเสียงก็ยิ่งเข้มข้น
เช็กขุมกำลังย้อนหลัง การเลือกตั้ง สส.ครั้งล่าสุดเมื่อ 14 พ.ค. 66 จ.อุดรธานี 10 เขต ได้ สส.พรรคเพื่อไทย 7 เขต อีก 2 เขตเป็นของพรรคไทยสร้างไทย และ 1 เขตเป็นของพรรคก้าวไกล ในขณะที่ปัจจุบัน สส.พรรคไทยสร้างไทย 2 เขต ก็ได้เทใจให้กับพรรคเพื่อไทยแล้วอย่างหมดใจ หากจะมองพื้นที่ภาพรวมคือในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ครั้งนี้ทั้ง 10 เขต สส.ของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน คือ 9 รุม 1
แต่ 1 เขตนั้นซึ่งเป็นพื้นที่ของคนเมือง ซึ่งเป็นฐานใหม่ของ สส.พรรคก้าวไกลหรือวันนี้คือพรรคประชาชน แต่ก็ยังจะถูกแบ่งคะแนนให้กับคู่แข่งเบอร์ 2 กับเบอร์ 3 แน่นอน เพราะคงจะไม่มีทางเป็นไปได้ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขต 1 จะเทคะแนนให้เบอร์ 1 ทุกแต้ม นอกจากนี้ ทนายแห้ว พรรคประชาชน เบอร์ 1 ยังต้องไปเหนื่อยกับการยื้อแย่งขอแบ่งคะแนนกับอีก 9 เขต ใน 20 อำเภอ ที่เป็นฐานที่มั่นของ สส.ป๊อบ พรรคเพื่อไทย ซึ่งมี ส.อบจ.อุดรธานี 42 เขต เป็น “เจ้าที่” ยึดฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทยไว้อยู่อย่างเหนียวแน่น จึงเป็นการบ้านข้อที่ยากมาก ที่ทนายแห้วจะต้องตีโจทย์ให้แตก ซึ่งอาจจะต้องเหนื่อยและหนักหน่วง ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
หลังจากมีแกนนำพรรคประชาชน รวมพลก้าวไกล และก้าวหน้า ดาหน้ากันมาเบียดกระแซะ หวังบุกทะลวงพื้นที่ พร้อมปั่นกระแสพรรคของคนรุ่นใหม่ แบบทุบหม้อข้าวเอาให้ได้ ทนายแห้วก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้าง เหมือนมีแรงอัดฉีดให้ตั้งหน้าตั้งตาเดินหาเสียงอย่างเต็มที่ กระแสตีตื้นขึ้นมาแต่ทาง สส.ป๊อบ ยังหนักแน่น ไม่หวั่นไหว เชื่อใจมวลชนคนเสื้อแดงที่ยังปักหลัก มั่นคง ยิ่งได้ “พญามังกร” ทักษิณ ชินวัตร สวมบทแม่ทัพใหญ่จากเมืองหลวง ขึ้นมาปกป้องหัวเมืองอีสานเหนือดังกล่าว ก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นไม้เด็ดเพชฌฆาต เอาอยู่ ถึงขั้นเชื่อขนมกินได้เลยว่า ได้คะแนนมาแบบถล่มทลายชัวร์
การมาหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ทั้งในฝั่งของพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทยดังกล่าว มองในมุมการเมืองถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค จะต้องหาโอกาสมาให้กำลังใจผู้สมัคร พร้อมพบปะพี่น้องประชาชน เพื่อบอกนโยบาย ขอฝากเนื้อฝากตัว เลือกผู้สมัครที่เป็นตัวแทนของพรรคไปรับใช้ รวมทั้งมองข้ามชอตไปถึงการเลือกตั้งสนามใหญ่ในอนาคต
ในส่วน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียงให้ “ทนายแห้ว” พรรคประชาชน หากเปรียบเป็นสมรภูมิ ถือว่าเป็นการลั่นกลองชูธงรบ เพื่อบุกประชิดตีเมืองขึ้นให้จงได้ โดยอาศัยทแกล้วทหาร กลุ่มเยาวชน คนรุ่นใหม่ เป็นกำลังพล ขณะที่ “พญามังกร” ทักษิณ ชินวัตร ที่มาช่วย สส.ป๊อบพร้อมกับคำว่าใช่ คงไม่เพียงแต่จะขี่ม้าขาวมาชมเมือง หรือตั้งรับอยู่หน้ากำแพงเมืองเท่านั้น ยังจะต้องพึ่งพาแรงศรัทธา ความเชื่อมั่น สามัคคี ปรองดอง ของพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดง “แฟนเดิม” เป็นแนวรบด่านหน้า เพื่อปกป้องประตูเมืองไม่ให้ถูกตีพ่าย
การเลือกตั้งที่ จ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยยึดพื้นที่มานาน เป็นการชิงชัยระหว่างพรรคเพื่อไทยกับสายพรรคประชาชน เช่น เลือก สส.เมื่อ 24 มี.ค. 62 พรรคเพื่อไทยได้ 334,259 คะแนน พรรคอนาคตใหม่ได้ 148,850 คะแนน, เลือก สส. เมื่อ 20 ธ.ค. 66 พรรคเพื่อไทย 353,147 คะแนน พรรคก้าวไกล 295,097 คะแนน ส่วนการเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งก่อน 20 ธ.ค. 63 วิเชียร ขาวขำ พรรคเพื่อไทย 326,027 คะแนน ฐานวัฒน์ ธนาธัญญพิชญ์ กลุ่มก้าวหน้า 185,804 คะแนน
นับถอยหลัง และใกล้โค้งสุดท้ายเข้ามาทุกขณะ คอยจับตาดูว่าผลคะแนนสนามเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่กำลังจะมาถึง พรรคเพื่อไทยจะมีคะแนนนำห่างเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ หรือพรรคประชาชนจะสามารถปักธงส้ม ตรงใจกลางเมืองหลวงคนเสื้อแดงได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นอย่างระทึก เพราะคงไม่ต่างกับศึกแดงเดือด ฝ่ายหนึ่งมุ่งมั่นจะตีเมืองขึ้นให้ได้ ขณะที่อีกฝ่ายยืนหยัดที่จะรักษาเอกราชของเมืองหลวงคนเสื้อแดงให้ได้ 24 พ.ย. 67 นี้ อุดรธานีลุกเป็นไฟแน่