วันที่ 25 ตุลาคม 2564 กลุ่มธุรกิจและการเงินกล่าวเตือนว่า นโยบาย “ลดเคสผู้ป่วยให้เป็นศูนย์” ของฮ่องกง และมาตรการที่บังคับให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องกักตัว อาจบั่นทอนสถานะความเป็นศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกง

สมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงินเอเชีย (Asia Securities Industry and Financial Markets Association หรือ ASIFMA) แถลงว่า จากผลการสำรวจสมาชิก ซึ่งรวมถึงกลุ่มผู้จัดการทรัพย์สินและผู้จัดการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลก แสดงให้เห็นว่า 48% ในกลุ่มสำรวจ กำลังพิจารณาย้ายพนักงานหรือหน่วยบริหารอื่น ๆ ออกจากฮ่องกง เนื่องจากมีอุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น ความไม่แน่นอนอันเนื่องมาจากไม่รู้ว่ามาตรการจำกัดและการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าเขตฮ่องกงจะได้รับการผ่อนคลายหรือยกเลิกเมื่อไหร่

ฮ่องกงมีมาตรการด้านการเดินทางเข้าพื้นที่ที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และถือว่าเป็นสถานที่ปลอดโควิด-19 อย่างแท้จริง ขณะที่คู่แข่งอย่างสิงคโปร์กำลังเริ่มเปิดให้คนเข้าประเทศได้ เขตการปกครองของจีนแห่งนี้ไม่มีแผนการอย่างเป็นทางการที่จะเปิดพื้นที่ต้อนรับนักเดินทางจากนอกเขต

บรรดานักธุรกิจใหญ่ในท้องที่กล่าวว่า ความสนใจของพวกเขามุ่งไปที่การยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางจากฮ่องกงไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งก็มีมาตรการในการเข้าเมืองที่เข้มงวดมาก ณ ตอนนี้ ผู้ที่เดินทางจากฮ่องกงไปยังจีนแผ่นดินใหญ่จะต้องกักตัวก่อนเข้าประเทศได้

“สถานะของฮ่องกง (ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินนานาชาติ) กำลังอยู่ในความเสี่ยงสูง เช่นเดียวกับปัญหาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการแข่งขันเพื่อเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในการทำธุรกิจในระยะยาว” มาร์ค ออสเตน ประธานฝ่ายบริหารของ ASIFMA เขียนในจดหมายเปิดผนึกที่ส่งถึง พอล ชาน หัวหน้าสำนักการคลังฮ่องกง โดยในจดหมายมีข้อแนะนำต่าง ๆ เช่น การเผยแพร่โรดแม็พเพื่อนำฮ่องกงออกจากสภาพ “ไร้เคสผู้ป่วยใหม่” ตามมาตรการจัดการโรคโควิด นอกเหนือไปจากเป้าหมายด่วนในการเปิดพรมแดนกับจีน รวมถึงการจัดลำดับการฉีดวัคซีน

ฮ่องกงมีรายงานผู้ป่วยเพียง 12,300 ราย นับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มระบาด ส่วนใหญ่เป็นเคสที่มาจากผู้เดินทางเข้าประเทศ และมีผู้เสียชีวิตเพียง 213 ราย

สิงคโปร์ซึ่งเป็นคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกันกำลังเพิ่มระดับการผ่อนคลายการเดินทางแบบไม่ต้องกักตัวสำหรับนักเดินทางจากประเทศต่าง ๆ กว่าสิบประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องหาทางป้องกันจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างฉับพลันในหมู่ผู้สูงอายุและผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ

เครดิตภาพ : Reuters