กำลังเป็นกระแสฮือฮาสนั่นโซเชียลอยู่ในขณะนี้ หลังล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 67 มีการแชร์โพสต์จากผู้ใช้แฟนเพจเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC หรือ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์” แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมายกเคสผู้ป่วยหญิงวัย 55 ปี ไม่มีโรคประจำตัว แต่แล้วเริ่มมีอาการปวดตัว ปวดหลังหู อ่อนเพลีย และกินอาหารได้น้อย แต่เคยป่วยเป็นไข้เลือดออกครั้งแรกอายุ 17 ปี จุดเปลี่ยนคือ ไปพบแพทย์และรู้ว่าเป็นไข้เลือดออก โดยเป็นครั้งที่ 2 และอาการรุนแรงกว่าครั้งแรกมาก พร้อมแนะ ควรฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันไข้เลือดออก

โดยหมอมนูญ ระบุข้อความว่า “ผู้ป่วยหญิงอายุ 55 ปี บ้านอยู่ กทม. ปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว เริ่มมีไข้ ปวดตัว ปวดหลังหู อ่อนเพลีย กินอาหารได้น้อย ไม่มีผื่นขึ้นตามตัว ไม่ปวดท้อง ไม่มีถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เคยป่วยเป็นไข้เลือดออกครั้งแรกอายุ 17 ปี ครั้งนั้นป่วยไม่มาก มาโรงพยาบาล 4 วัน หลังจากเริ่มมีไข้ วันที่ 3 พ.ย. 67 ตรวจร่างกายมีไข้สูง 38.5 องศาเซลเซียส ตรวจเลือด เม็ดเลือดขาวต่ำ 1,780 เกล็ดเลือดต่ำ 116,000 ค่าเอนไซม์ตับสูง SGOT 158, SGPT 70 ตรวจไข้เลือดออกด้วยวิธีเจาะเลือดให้ผลเร็ว Dengue Duo Rapid Test NS1 Ag ให้ผลบวก”

นอกจากนี้ “วินิจฉัยแล้วเป็นไข้เลือดออก เป็นครั้งที่ 2 จะมีอาการรุนแรงกว่าครั้งแรกมาก คนไข้กินอาหารได้น้อย ให้น้ำเกลือ ให้ Tylenol ลดไข้ และติดตามผลเกล็ดเลือด ต่อมา วันที่ 7 พ.ย. 67 มีเกล็ดเลือดลดลงต่ำเหลือ 23,000 วันที่ 9 พ.ย. 67 ดีขึ้นเพิ่มเป็น 115,000 ค่าเอนไซม์ตับ SGOT ขึ้นเป็น 615 วันที่ 5 พ.ย. 67 ดีขึ้น และลดลงเหลือ 158 วันที่ 9 พ.ย. 67 ค่าเอนไซม์ตับ SGPT ขึ้นเป็น 308 วันที่ 5 พ.ย. 67 แล้วดีขึ้นลดลงเหลือ 161 วันที่ 9 พ.ย. 67 โดยคนไข้ไม่มีเลือดออก ไม่มีผื่นขึ้นตามตัว แต่กินอาหารได้ดีขึ้น ไข้ลดลง จึงให้กลับบ้านได้”

อย่างไรก็ตาม “หลังนอนรักษาในโรงพยาบาล 6 วัน ผู้ป่วยแนะนำให้ลูกอายุ 27 ปี และสามีฉีดวัคซีนไข้เลือดออก Qdenga 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน เพื่อป้องกันไข้เลือดออก เพราะรู้สึกว่าเวลาตัวเองป่วยเป็นไข้เลือดออกครั้งที่ 2 เป็นหนักมาก จึงไม่อยากให้ลูกและสามีป่วยเป็นไข้เลือดออก” หมอมนูญกล่าว

ขอบคุณข้อมูล : หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC