สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าหลายพรรคการเมืองมีอาการน่าเป็นห่วง หนึ่งในนั้นคือ พรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) ที่สส.อาจได้ไม่ตรมตามเป้า หลังเกิดข้อบาดหมางระหว่าง “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ตัวอยู่ พปชร. แต่ใจอยู่ “กล้าธรรม” เรียบร้อย กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เมื่อครั้งตั้งรัฐมนตรี ครม. “แพทองธาร 1”
ในครั้งนั้น “บิ๊กป้อม” ให้เหตุผลกับ “ผู้กองธรรมนัส” เพียงแค่ว่า “ที่ต้องปรับออกจาก รมว.เกษตรฯเพราะเขาไม่เอา” ทำให้มาถึงเวลาประกาศอิสระภาพ ที่ “ผู้กองธรรมนัส” เผยปมในใจว่า “ผมทำเพื่อคนๆ หนึ่งมามากพอแล้ว” และวันที่ประกาศนั้นเอง พรรคก็แตกโดยการวัดขุมกำลังว่า ใครอยู่กับ “บิ๊กป้อม”ไปป่ารอยต่อ ส่วนใครอยู่กับ “ผู้กอง”ให้มากระทรวงเกษตรฯ และหลายคนคงเห็นภาพ ใครคือผู้ชนะ ??
ที่เหมือนมี “เงาธรรมนัส” ได้ร่วมเป็น ครม. ซึ่งบอกถึงสายสัมพันธ์ที่ดีกว่า ขณะที่ภาพความสัมพันธ์ระหว่าง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร กับ “บิ๊กป้อม” นั้น ไม่ใช่ภาพที่ดีนัก ตั้งแต่สมัย “นายใหญ่” จัดรายการในคลับเฮาส์ของกลุ่มแคร์ ก็จิกกัด “บิ๊กป้อม” หลายครั้ง เช่น เรื่อง “สุภาพเรียบร้อยจัง ตอนมาขอเป็น ผบ.ทบ.” ซึ่งความไม่พอใจอาจมีหลายอย่าง ประจวบเหมาะกับมีจังหวะวันโหวต น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แก้วตาดวงใจ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ไร้เงา “บิ๊กป้อม” ไม่มาโหวต และออกอาการฟิวส์ขาด ตีหัวนักข่าวเมื่อถูกถามเรื่องนายกฯคนใหม่ ทำให้พรรคเพื่อไทยมีข้ออ้างที่จะ“ไม่สบายใจที่จะร่วมงานด้วยกับคนๆนี้” พร้อมเขี่ยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลทันที
แว่วเสียง“ความหมั่นไส้”ลอยมาว่า…จะตัดตอนบทบาทให้เหี้ยน ก็น่าสนใจว่า เป็นเสียงคนมีอำนาจจริงไหม เพราะดาบแรกที่เล่นมาแล้ว คือการเลือกนายกสมาคมกีฬาทางน้ำ ปรากฏว่า “บิ๊กป้อม” ไม่ได้รับเลือก ทำให้ลงชิงตำแหน่งประธานโอลิมปิกไทย ในวาระใหม่ที่เลือกเดือน มี.ค.68 ไม่ได้ เพราะไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬา ตามข้อบังคับ
ในพรรค พปชร.ก็ดูไม่แน่ ไม่นอน ง่อนแง่น เพราะกลุ่มมุ้งที่มี สส.อย่างกลุ่มมะขามหวาน ของนายสันติ พร้อมพัฒน์ และกลุ่มชากังราว ของนายวราเทพ รัตนากร ก็แว่วมาว่า สมัยหน้าโบกมือบ๊ายบายแน่นอน ถ้า “นายกฯอิ๊งค์” ยุบสภา ก็ไม่ติดเงื่อนไขสังกัดพรรค 90 วัน เลือกตั้งใหม่จากยุบสภา สังกัดพรรค 30 วันได้ หากสองกลุ่มนี้จะกลับบ้านเก่าเพื่อไทย ก็คุยกันได้
ขณะที่คนอยู่พรรค พปชร.ก็เริ่มมีท่าทีแปลกๆ มีคนเห็น “บิ๊กต๊ะ” พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร. ไปโผล่ที่วัดคลองครุ ( ปัฐวิกรณ์ ) วันเดียวกับที่ “นายใหญ่”ไปทำบุญทอดกฐิน ตอนนั้น“บิ๊กต๊ะ”บอกไม่มีอะไร และหยอดคำว่า “บิ๊กป้อม ระลึกถึง อดีตนายกฯแม้ว มาโดยตลอด มีเยื่อใยอันดีต่อกัน อยู่คนละพรรคเราก็ยังรักกันได้”
แต่ไม่รู้ว่า “นายใหญ่” จะเห็นเยื่อใยที่ยังเหลือหรือเปล่า เพราะอยู่ๆ พรรค พปชร.ก็ตีปี๊บเล่น MOU44 ว่าไทยจะเสียสิทธิ์ในพื้นที่สิทธิ์ทับซ้อนทางทะเลตรงเกาะกูดให้เขมรให้รัฐบาลโดนโจมตี อธิบายกันไม่รู้กี่รอบว่า “MOU 44 คือข้อตกลงให้เจรจา แต่ยังไม่เจรจาแบ่งเขตแดนอะไรทั้งสิ้น” ซึ่งหากไม่มี MOU44 เราจะเสียเปรียบเพราะเขมรอ้างสิทธิจากเส้นที่ตัวขีดฝั่งเดียว
ล่าสุด “นายใหญ่” ไป จ.อุดรธานี นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.ไปโผล่ที่สนามบินอุดรธานี เจ้าตัวบอกแค่ว่ามาส่วนตัว และปฏิเสธจะให้ข่าว แต่แหย่ตัวเองประโยคหนึ่งว่า “มากินมาม่า” ก็ไม่รู้ว่าทีเล่นหรือทีจริง “มาม่า”ที่ว่าอาจเป็นมาม่ารสจันทร์ส่องหล้าที่แจกเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่?
คำว่า “มากินมาม่า” คอการเมืองคงตีความกันหนัก ทั้งจากท่าที “บิ๊กต๊ะ” ท่าที “ไพบูลย์” และคนอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคต ว่า พยายามประสานขอกลับไปร่วมรัฐบาลหรือไม่..และน่าสนใจไปอีกว่า “ทรัพยากรเท่าที่มี” ทั้งบุคคลแบบเป็นผู้สมัคร สส.เกรดเอ และกระสุนดินดำในมือ “บิ๊กป้อม” ยังเหลือเท่าไร จะช่วยการเลือกตั้งได้มากน้อยแค่ไหน
แล้ว “บิ๊กป้อม” จะต้องระวังบริวารเป็นพิษหรือไม่ ที่จะขอเงินไปสู้ศึกเลือกตั้ง แต่ผลไม่เป็นดังใจ เพราะ “มาม่า”ของรัฐบาลมันแพง.