เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิฮุก 31 นครราชสีมา นำโดรนตรวจจับความความร้อนขึ้นสังเกตการณ์เพื่อวางแผนให้ทีมอาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่าระหว่างตำบลอุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว และตำบลจระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เข้าทำการผลักดันช้างป่าที่ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน มาหากินภายในพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน บริเวณไร่มันสำปะหลังท้ายบ้านตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน เมื่อคืนวันที่ 13 พ.ย.67 ที่ผ่านมา โดยสามารถจับภาพโขลงช้างขนาดใหญ่เกือบ 80 ตัว รวมโขลงกันออกหากินมันสำปะหลังของชาวบ้าน และต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกว่า 10 นาย ผลักดันตลอดทั้งคืน กว่าช้างจะอยู่กลับเข้าป่าไปในที่สุด
ต่อมาเวลา 21.00 น. วันที่ 14 พ.ย. 67 ปรากฏว่า ช้างโขลงเดิมยังกลับเข้าไปหากินในบริเวณเดิมอีกครั้ง ทางทีมอาสาสมัครฯ ได้จัดเตรียมกำลังคนและยานพาหนะ ทั้งรถกระบะและรถไถเกือบ 10 คัน เข้าผลักดันกันอีกรอบ ซึ่งก็ยังคงต้องใช้เวลากันทั้งคืน กว่าช้างจะยอมกลับเข้าป่าไปอีกครั้ง
ด้าน นายสุริยงค์ ภาษี กำนันตำบลจระเข้หิน เปิดเผยว่า ตอนนี้ช้างป่าจากอุทยานแห่งชาติทับลาน ได้ออกจากป่ามาหากินผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านกระจายอยู่ในหลายจุดของ 2 ตำบล คือ ตำบลจระเข้หิน อ.ครบุรี และ ตำบลอุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว รวมๆแล้วน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100 ตัว กลุ่มเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าของทั้ง 2 ตำบล ก็ได้พยายามประสานงานร่วมกัน แต่ก็ยังติดอุปสรรคในเรื่องของเครื่องมือและอุปกรณ์ ทั้งยานพาหนะ ประทัด และโดรนสังเกตการณ์ ที่จำเป็นต้องใช้โดรนจับภาพความร้อนเพื่อระบุจุดที่ช้างอยู่ เพื่อให้วางแผนเข้าผลักดันอย่างปลอดภัย และเข้าผลักดันได้ตรงจุด เพราะตอนนี้มีช้างออกหลายจุดมากอุปกรณ์ที่มีอยู่จึงไม่เพียงพอ โดยทีมเครือข่ายได้เฝ้าระวังและผลักดันอยู่อย่างนี้กว่า 1 สัปดาห์แล้ว จึงทำให้ตอนนี้ทีมงานกำลังเหนื่อยล้าอย่างมาก.