จากกรณีหนุ่มคนหนึ่ง ที่เป็นเจ้าของน้องซูชิ หรือสุนัขวัย 1 ปีกว่า เป็นเพศเมีย และอาศัยที่ จ.พะเยา แต่เจ้าของกลับไม่สะดวกในการเลี้ยงสุนัข จึงได้ประกาศหาคนรับเลี้ยงต่อ และได้นายเอ (นามสมมุติ) เป็นผู้ดูแลน้องซูชิต่อ แต่ก่อนหน้าที่จะยกให้นายเอไปรับเลี้ยงนั้น ตนได้มีการคัดบ้านอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ เมื่อนายเอรับเลี้ยงน้องซูชิไปสักพักหนึ่ง ก็ได้มีการโทรฯมาปรึกษาเจ้าของคนแรก ว่าตนจะไปทำงานต่างประเทศ จึงต้องหาบ้านใหม่ให้น้องซูชิ ซึ่งเจ้าของคนเก่าจึงช่วยโพสต์หาบ้านให้ และมีการกำชับนายเอว่าต้องให้ตนร่วมคัดบ้านด้วย
จนกระทั่ง นายเอได้ยกน้องซูชิให้ “นายบี” (นามสมมุติ) โดยไม่ได้ปรึกษากับเจ้าของคนแรกก่อน และไม่ได้ขอเบอร์โทรฯ หรือช่องทางการติดต่อนายบีไว้เลย จึงทำให้ขาดการติดต่อกับซูชิไป จนกระทั่ง เจ้าของคนแรกพยายามให้นายเอ (นามสมมุติ) ตามหานายบี (นามสมมุติ) เพื่ออยากรู้ความเป็นอยู่ของน้องซูชิ ว่ามีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง พอคาดคั้นมากเข้า นายเอก็ไม่รับสาย และไม่ตอบข้อความอีกเลย
ต่อมา เจ้าของคนแรกได้มีการโพสต์ข้อความช่วยเหลือ ในกลุ่มเฟซบุ๊กมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ จนทำให้กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างมาก จึงทำให้นายเอ (นามสมมุติ) ติดต่อมาบอกเจ้าของคนแรกว่า ตอนนี้ซูชิอยู่ที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ขณะเดียวกันชาวเน็ตก็ช่วยกันสืบ จนสุดท้าย ทราบที่อยู่ของนายบี โดยมูลนิธิวอชด็อกฯ ได้ประสานปศุสัตว์เชียงราย ตามไปที่บ้านนายบี แต่กลับไม่พบซูชิที่นั่น และได้อ้างว่าซูชิหลุดหนีไปแล้ว แต่สิ่งที่พีคกว่า กลับพบว่าก่อนหน้านี้นายบีก็เพิ่งรับหมาชื่อ “น้องหมี” มาเลี้ยง แต่อ้างว่าหมากระโดดข้ามรั้วหายไปตอนกลางคืนอีกด้วย
โดยนายบี อ้างว่า สุนัขหายตัวไปเอง จึงทำให้ตำรวจก็ยังคงเค้นสอบสวนต่อไป จนนายบีให้การสารภาพว่า ได้ส่งน้องซูชิไปโรงฆ่าแล้ว และน้องซูชิ ไม่ใช่สุนัขเพียงตัวเดียวที่ถูกส่งไปแบบนี้ ยังมีน้องลัคกี้ น้องซูโม่ และน้องหมี รวมแล้ว 4 ตัว ฆ่าเสร็จจึงนำมารับประทาน
อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผย ทำให้ทางเพจ มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ และเพจอื่นๆ รวมถึงชาวเน็ตได้ออกมาเรียกร้องให้ตำรวจขยายผลการสืบสวนว่า ขบวนการโรงฆ่าสัตว์ที่นำสุนัขมารับประทาน มีกี่คนที่ร่วมกระทำผิด และโรงเชือดอยู่ที่ไหน เพื่อตัดตอนขบวนการ และป้องกันไม่ให้สุนัขตัวอื่นๆ ถูกชำแหละอีกด้วย และถ้าหากใครเคยส่งน้องหมาให้นายบีเลี้ยงต่อ ก็ให้รีบไปแจ้งความโดยด่วน
ขอบคุณข้อมูล : Poetry of Bitch และ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation – WDT
