ในปัจจุบันนับว่าอาหารการกินมีผลต่อสุขภาพ สุขภาพจะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับของที่เรากิน ของที่เราชอบกิน ซึ่งบางครั้งไม่รู้ว่าสิ่งที่กินนั้นมีผลต่อโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงมะเร็งด้วย และในปัจจุบันนี้มะเร็งเป็นโรคที่คนเป็นกันมากนำมาอันดับ 1 กันเลยทีเดียว เช่นเดียวกับหนุ่มวัย 22 ปี ที่ต้องเผชิญกับโรคมะเร็งอย่างคาดไม่ถึง เพราะชอบกินตามใจปาก และค่อยมาดูแลสุขภาพภายหลัง กระทั่งเข้าตรวจร่างกายจนพบว่าป่วยมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะสุดท้าย
โดยสำนักข่าวต่างประเทศ ได้รายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ เสี่ยวหลู นักศึกษาหนุ่ม ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยในมณฑลเจ้อเจียง ในประเทศจีน ครอบครัวของเขาไม่ได้มีฐานะดีนัก เขาจึงทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่างไปพร้อมกับการเรียน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ ผลลัพธ์คือการกินอาหารที่ไม่เป็นเวลาและแทบไม่มีโอกาสกลับบ้านเกิด แม้แต่ตอนที่เจ็บป่วย เขาก็ไม่บอกให้พ่อแม่รู้ และต้องเผชิญกับอาการป่วยเพียงลำพัง
จนกระทั่งไม่นานมานี้ เสี่ยวหลู ป่วยหนักจนไม่สามารถไปเรียนหรือทำงานได้ แม้แต่การกินข้าวต้มขาวหรือดื่มน้ำยังทำให้ปวดท้องอย่างแสนสาหัส เขาแทบจะต้องนอนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน เมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงโทรศัพท์หาครอบครัว พ่อแม่ของเขารีบขึ้นรถกลางดึกเพื่อเดินทางไปยังที่พักและพาลูกไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งทั้งสามคนเดินทางไปยังแผนกโรคทางเดินอาหารที่โรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนอำเภอเซี่ยวจิง หลังจากที่ทำการตรวจ CT สแกน ส่องกล้องกระเพาะอาหาร และการทดสอบอื่น ๆ เสี่ยวหลูได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
คุณหมอจง ฉิงหยวน ผู้รักษาเสี่ยวหลู กล่าวว่า ผู้ป่วยยังอายุไม่มาก แต่เมื่อพบก้อนเนื้อในกระเพาะอาหาร กลับเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและลุกลามไปหลายที่จนไม่สามารถผ่าตัดได้ หากใช้เคมีบำบัด อาจไม่สามารถได้ผลตามที่คาดหวัง อาการแย่และระยะเวลาการมีชีวิตเหลือน้อยมาก ครอบครัวของผู้ป่วยไม่มีประวัติเป็นมะเร็ง สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีมาตลอดหลายปี และอาหารที่เขาชอบทานล้วนเป็นอาหารที่ทำร้ายกระเพาะอาหาร ส่วนอาหารที่เขาชอบกิน มี 3 สิ่งคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำอัดลม และอาหารจานด่วนรสเผ็ด
ขณะที่เสี่ยวหลู บอกว่า เนื่องจากเขาอาศัยอยู่คนเดียวและยุ่งตลอดเวลา เขาต้องการประหยัดจึงแทบไม่เคยทำอาหารเอง ส่วนใหญ่จะทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียงพอสำหรับมื้ออาหาร เนื่องจากช่วงกลางวันต้องทำงานหนัก เขาจึงใช้เวลากลางคืนในการเล่นเกมหรืออ่านหนังสือ โดยมักจะนอนหลังจากตีสองทุกวัน การเรียนไปทำงานไปทำให้เขารู้สึกเครียด เพราะต้องอดนอนบ่อยๆ เสี่ยวหลูเริ่ม “ติด” การทานขนมยามดึก โดยทานอาหารรสเผ็ดและน้ำอัดลมเพื่อคลายเครียดและไม่ให้รู้สึกง่วง
แม้ว่าอาการของร่างกายจะส่งสัญญาณ เช่น ปวดท้องเรื้อรัง, น้ำหนักลดแม้จะทานเยอะ, หรืออาเจียนบ่อย ๆ เสี่ยวหลูยังคงมองข้ามไป เขาคิดแค่ว่าตัวเองทำงานหนัก เครียด และนอนน้อยเลยเป็นแบบนี้ เพราะเขายังหนุ่มแน่น ร่างกายน่าจะค่อย ๆ ปรับตัว หรืออดทนทำงานต่อไปอีกสักพัก เมื่อฐานะการเงินดีขึ้นก็จะค่อยดูแลรักษาสุขภาพ แต่ไม่คาดคิดว่า วันที่เขามาที่โรงพยาบาลตรวจร่างกาย ก็เป็นวันที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย เสี่ยวหลูเสียใจแต่ก็สายเกินไปแล้ว