นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า เตรียมความพร้อมระบบขนส่งสาธารณะในการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.64 ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ขณะนี้ได้สั่งการไปยังสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ ให้แจ้งผู้ประกอบการขนส่งเตรียมพร้อมที่นำรถโดยสารออกมาให้บริการ

หลังจากที่ผู้ประกอบการหลายรายได้หยุดให้บริการในช่วงโควิด-19 โดยเฉพาะรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถ 30) หรือรถเช่าเหมา เช่น รถบัส รถตู้ที่มีการจอดนิ่งประมาณ 90% หากมีการเปิดประเทศนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้ภาคการขนส่งกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากเมื่อมาถึงท่าอากาศยานต่างๆ แล้ว นักท่องเที่ยวจะต้องใช้บริการรถเช่าเหมาในการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ

ส่วนรถแท็กซี่ก่อนที่โควิด-19 ระบาด มีแท็กซี่ในระบบที่ให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ที่ 85,000 คัน จากนั้นโควิดรุนแรงขึ้น มีการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวบางจังหวัด ทำให้แท็กซี่ลดลงเหลือบริการแค่ 20,000 กว่าคัน ต่อมารัฐบาลคลายล็อกมาตรการต่างๆ ทำให้คนขับแท็กซี่กลับมาให้บริการมากขึ้นปัจจุบันอยู่ที่ 30,000-40,000 คัน และหากเปิดประเทศแล้ว คาดว่า แท็กซี่จะกลับมาให้บริการเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ภาคการขนส่งและคนขับรถแท็กซี่มีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย

นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า ส่วนรถโดยสารประจำทาง ได้เน้นย้ำบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) ที่กำกับดูแลรถร่วม บขส. และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ดูแลรถร่วม ขสมก. หรือรถเมล์ที่ให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ต้องเข้มงวดในการตรวจสภาพรถ อุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ให้มีความพร้อมในการให้บริการ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางเช่นเดียวกัน ขณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็น การทำความสะอาดฆ่าเชื้อสถานีขนส่งผู้โดยสาร และรถโดยสารเป็นประจำทุกวัน ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้โดยสารก่อนใช้บริการ จัดที่นั่งเว้นระยะห่าง จัดให้มีเจลแอลกอฮอล์ประจำจุดบริการ และสวมหน้ากากอนามัย นอกจากนี้ด้านบุคลากรภาคการขนส่ง เช่น พนักงานขับรถ พนักงานเก็บค่าโดยสาร และพนักงานบริการภายในรถ ขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนครบทั้ง 3 เข็มเกือบครบทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารมีความมั่นใจในการใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้นด้วย