เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 นำเอกสารมาให้เพิ่มเติมกรณีคำร้องยุบ 6 พรรคการเมือง และกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้ นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย กับทาง กกต.
นายนพรุจ เผยว่า ประชาชนที่ไม่ได้กินหญ้า ไม่ได้กินอาหารเม็ด พรรคที่ไปขอให้พูดความจริง เพราะเอกสารต่างๆ ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมแล้ว ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ไปงานทอดกฐินวัดคลองครุ ให้สัมภาษณ์ว่าจะไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงในการชิงนายก อบจ.อุดรธานี วันที่ 13-14 พ.ย. ตนจึงมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายครอบงำหรือไม่ และขอบเขตของการครอบงำ หรือผู้ช่วยหาเสียงต้องครอบคลุมว่าทำได้แค่ไหน
“คณะกรรมการพรรคเพื่อไทย ไม่ขัดขวางให้นายทักษิณ หรืออดีตผู้ต้องหาคดีทุจริต ไปร่วมเป็นผู้ช่วยหาเสียง แสดงว่าพรรคเพื่อไทยปล่อยปละละเลยในการตรวจสอบตำแหน่งต่างๆ ทางการเมือง อีกทั้งนายทักษิณยืนยันว่ามีการร่วมประชุมจัดตั้งรัฐบาลจริง ด้วยการกินมาม่า”
ส่วนวันที่ 13 พ.ย. ที่จังหวัดอุดรธานี การดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหาเสียง พรรคเพื่อไทยเห็นชอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คณะกรรมการพรรค ก็เห็นดีเห็นงาม พฤติกรรมของนายทักษิณ ชัดเจนว่าท่านเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย มีความสำคัญสูงสุด บนเวทีหาเสียงมีการพูดนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะค่าแรง 700 บาท ที่ยังไม่ปรากฏการหาเสียงพรรคเพื่อไทย ประกาศว่ารัฐบาลจะให้อย่างนั้นอย่างนี้ หากประชาชนต้องการอะไรจะจัดให้ รวมทั้งพูดถึงนโยบายการหาเสียง เอาผู้สมัครไปยืนโชว์ตัว ครอบงำผู้สมัครเสมือนครอบงำมติพรรค คิดนโยบายนอกกรอบ หาเสียงบนเวทีนายก อบจ. เหมือนเป็นเวทีหาเสียงของตัวเอง ส่ออิทธิพลเหนือรัฐบาลในการกำหนดนโยบายต่างๆ รวมทั้งการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่หัวหิน ก็มีการเห็นชอบ
“อดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นสัญลักษณ์ คนไทยทั้งประเทศที่ไม่ได้กินหญ้า เข้าใจว่า พรรคเพื่อไทยเป็นของ นายทักษิณ สามารถสั่งการได้ ไม่ได้ครอบงำ แต่เป็นการครอบครองพรรคเพื่อไทย มีอิทธิพลเหนือ นายกฯ แพทองธาร และกรรมการพรรคทุกคน ตนเคยลั่นวาจาว่า ถ้าบุคคลใดไม่ยอมเป็นลูกจ้างตระกูลชินวัตร ไม่ยอมเป็นลูกน้องของตระกูลชินวัตร และไม่ยอมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเป็นของอดีตนายกฯ ทักษิณ ไปสาบานที่หน้าวัดพระแก้ว หรือจะไปสาบานที่ไหนก็ได้” นายนพรุจ กล่าว
นายนพรุจ กล่าวอีกว่า ตนมาร้องเพิ่มจากคำพูดของท่านทั้งสิ้น ท่านบอกว่าหมาอยู่ส่วนหมา คนอยู่ส่วนคน ท่านเป็นบุคคลที่เหยียดหยามคนไทย ประเทศไทยแปลว่าสยาม สยามแปลว่าเสือ หยามไม่ได้ ท่านเป็นคนไทยหรือเปล่า ที่หยามคนไทยด้วยกัน ตนก็เป็นอดีตลูกน้องท่าน การที่มาร้องเรียนเกิดมาจากท่านทำตัวเหนือกฎหมาย ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ท่านเคยศึกษาหลักเสรีภาพ ความเสมอภาคบ้างหรือไม่ ในเมื่อเราเกิดเป็นลูกหลานแผ่นดินสยามทุกคน คือเสือหยามกันไม่ได้ พรรคเพื่อไทยไม่ใช่เจ้าของแผ่นดิน ทำตัวเหนือกฎหมาย เหนือความถูกต้อง ถ้าไม่มีพฤติกรรมให้ร้องเรียน ใครจะมาร้องได้ ไม่กลัวจะถูกฟ้องร้องกลับ เราทำสิ่งถูกแม้จะตายก็ยอม
นายนพรุจ กล่าวด้วยว่า นายทักษิณครอบงำพรรคโดยสิ้นเชิง ทั้งตึกชินวัตร 3 เป็นธุรกิจของทักษิณ บ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นของทักษิณ อยู่ในเวลาพักโทษเป็นสถานกักกัน ท่านชี้นำ ครอบงำ สั่งการ รวมทั้งควบคุมกิจการทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย 100% หลักฐานทั้งหมดเป็นของท่านทั้งสิ้น ตนไม่ได้แต่งเติม ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้หลักนิติรัฐนิติธรรม จะมาบอกว่า ทักษิณคือนิติรัฐนิติธรรมไม่ได้ ถ้าคิดว่าตนก้าวก่าย ร้องมั่วซั่วเป็นหมาก็ฟ้องเลย จะได้สู้กันในศาล คนไทยจะได้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด.