ฝั่งหนึ่งเขามองว่า การที่บ้านใหญ่ลงหลักปักฐานนาน ทำให้เกิดภาวะที่คนสยบยอมเข้าหาอำนาจ ทำให้เครือข่ายอิทธิพลมีมากขึ้นและทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ตัวเลือกใหม่ๆในการทำงานท้องถิ่น แต่อีกฝั่งหนึ่งก็ว่า กว่าจะเป็น“บ้านใหญ่”ได้ก็เพราะเขาทำประโยชน์ให้พื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ประชาชนไว้ใจ
ในศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ.) ครั้งนี้ พรรคประชาชน ( ปชน.) ประกาศบุกท้องถิ่นโดยส่งผู้สมัครบางจังหวัดที่น่าจะดูมีความมั่นใจ หรือเป็นจังหวัดที่จะสู้เพื่อเชคคะแนนเสียง หรือหวังให้เกิด“สัญลักษณ์”บางอย่างบนพื้นที่ เช่น เลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานวันที่ 24 พ.ย.นี้ คือการเจาะฐานพื้นที่ “เมืองหลวงเสื้อแดง”
เดิมพันสูงจริง เพราะขนาด “อดีตนายกฯแม้ว”นายทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเองแบบเต็มตัวครั้งแรก ขึ้นเวทีก็มีคนแห่ฟังเพียบ ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยคือ “ป๊อบ ศราวุธ เพชรพนมพร” ซึ่งมาแทนนายวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ. คนเดิมที่ลาออกเพราะป่วย ในการหาเสียง ก็มีสีสันทางการเมืองจิกกัดกันบ้าง เกทับกันบ้าง
ที่น่าสนใจคือ“อะไรจะกลายเป็นนโยบายรัฐบาลบ้าง” พออดีตนายกฯขึ้นพูดเรื่องเงินหมื่น กระทรวงการคลังก็ขานรับทันทีว่าเตรียมนำเข้าเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐทันที เตรียมแจกกลุ่ม 50 ปีขึ้นไปที่ยังไม่ได้รับสิทธิเพราะไม่อยู่ในข่ายได้รับรอบแรก นี่คือการโชว์ความเชื่อมโยงว่า“เลือกฝั่งรัฐบาล ทำได้แน่”
แน่นอนว่า นโยบายประชานิยมเป็นนโยบายที่อย่างไรก็ขายได้ สิ่งที่นายทักษิณพูด ก็ประชานิยมเสียเยอะ เช่น ขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี รถไฟจากจีนกระตุ้นการค้าขายการท่องเที่ยว โครงการคนไทยมีบ้านทุกคน ไม่ต้องดาวน์ ผ่อนเดือนละ 4,000 บาท..ชวนให้นึกถึงโครงการบ้านเอื้ออาทร และโครงการบ้านหลังแรกของพี่น้องชินวัตร
คนที่เด่นกว่าหัวหน้าพรรคประชาชน ( ปชน.) กลับเป็น“ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูกอดีตนายกฯแม้วพาดพิงว่า ต้องบินกลับจากอเมริกาเพื่อมาช่วยทนายเบี้ยว คณิศร ขุริรัง แต่กลายเป็นบรรยากาศการหาเสียงที่ดูเป็นแบบวิธีเก่า ปชน.เก็บที่คู่ต่อสู้พูดแบบทุกเม็ด แล้วมาสวนกลับ อย่างเรื่องเหตุที่พรรคเพื่อไทยบิดพลิ้วร่วมรัฐบาลกับ ปชน.
ซึ่งมีทั้งเสียงวิจารณ์เชิงบวกเชิงลบ ด้านลบก็ว่าพรรค ปชน.บอกจะมาสร้างการเมืองใหม่ ก็เล่นวิธีแบบพรรคสลิ่มเก่า คือเน้นตอบโต้โดยการด้อยค่า ขุดเรื่องในอดีตมาย้ำ กองแช่งเขามองว่าอาจไปถึงการแปลงสาร ว่าจริงๆ แล้ว “เอก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”แกนนำคณะก้าวหน้าเข้าพบนายทักษิณตกลงพูดอะไรกันแน่ เป็นดีลที่กองเชียร์รับไม่ได้หรือไม่
แต่คนจะรักจะชอบเขาก็ยอว่าทิม พิธา ตอบโต้ได้ทุกเม็ดแบบผู้ดี..มันก็คงยากที่จะหาเสียงโดยไม่มีอะไรอย่างนี้ ยิ่งสองพรรคคือสองขั้วความคิด..เลือกนายก อบจ.อุดรธานีเดือดพล่านกลายเป็นศึกศักดิ์ศรีสองพรรค และสนามต่อไปที่ลุ้นโหดอยู่คือสุรินทร์ เพราะตระกูล “มุ่งเจริญพร”ลงสมัคร 2 คนแข่งกันเองว่า“ครูใหญ่เนวิน”จะหนุนใคร
และมีตัวแทรกคือ นางนัทธมน ศิริวัฒนวานิช อดีตรองนายก อบจ.สุรินทร์ ซึ่งว่ากันว่า“เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย” จะชัดต่อเมื่อข่าวลือว่านายทักษิณลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเป็นจริง ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จะเกิดความหมางใจระหว่างเพื่อไทย-ภูมิใจไทยหรือไม่ ต่อจากเขากระโดงที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้ รฟท.หาทางเอาที่คืน
การแข่งขันท้องถิ่นเดือดมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา สงสัยเพราะอดีตนายกฯกลับมากระชับอำนาจ.