เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการถอนใบอนุญาตบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่า หลังมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สคบ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ หาข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าสมควรถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรือไม่ และปรากฏว่า บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ได้มีการจดทะเบียนบริษัทแบบตรงกับ สคบ. แต่ไม่ได้จดทะเบียนขายตรง แต่ที่ทุกคนทราบ การจะเพิกถอนใบอนุญาตจะต้องทำด้วยความรัดกุม รวมถึงต้องดูข้อกฎหมาย และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และที่ผ่านมาได้มีการพิจารณาไปยังคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายของ สคบ. และทางอนุกรรมการ ได้มีมติเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้มีการหารือไปยัง คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อจะให้เกิดความรัดกุมในการพิจารณาเพิกถอน และตนได้สั่งการไปยัง สคบ. เข้าไปทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างการโอนต่อคดี จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปยัง DSI และให้ สคบ. ทำงานร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในการเป็นพยานและให้ข้อมูลแชร์ลูกโซ่ จนเป็นที่มาในการตั้งข้อหาเพิ่มเติม โดย DSI ได้มีการแจ้งข้อหา ไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานร่วมกัน
น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า เมื่อมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมทาง สคบ. ได้ทำการประสานส่งข้อมูลเพิ่มเติมไปยังกฤษฎีกา ว่ามีข้อหาเรื่องแชร์ลูกโซ่ ซึ่งทางคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีการหารือเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย. 67) ในช่วงเวลา 16.00 น.
เมื่อถามว่าในวันพรุ่งนี้บอร์ด สคบ. จะมีการหารือถึงประเด็นดังกล่าวหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า จะมีการหารือในหลายประเด็น รวมถึงประเด็นนี้ และหาแนวทางในการป้องการทำผิดกฎหมายในลักษณะแชร์ลูกโซ่
เมื่อถามว่าการถอดใบอนุญาตสรุปแล้ว แนวโน้มจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ขณะนี้ต้องให้กฤษฎีกาได้พิจารณาก่อน และเมื่อมีผลออกมา จะต้องนำมาประกอบการพิจารณาต่อไป
ขณะเดียวกัน น.ส.จิราพร ยอมรับว่า ได้ส่งความเห็นของ สคบ. ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด เนื่องจากต้องการให้เกียรติกฤษฎีกาในการพิจารณาเรื่องนี้
น.ส.จิราพร ยังระบุอีกว่า ที่หลายคนมีความกังวลถึงการดำเนินการที่ล่าช้า ตนได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ต้องดูถึงตัวบทกฎหมายด้วย เพราะต้องรัดกุม และมีขั้นตอนอยู่ ทั้งนี้ตั้งแต่มีเรื่องมาภายใต้การกำกับดูแลของตน ไม่ได้มีอะไรล่าช้า เพราะหลังจากมี ผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ในวันที่ 10 ต.ค. และในวันที่ 11 ต.ค. ตนก็รีบเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ เพื่อวางแนวทางในการดำเนินการเรื่องบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป และจำได้แม่น วันที่ 16 ต.ค. ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อนำมาสู่การจับกุมบอส ดิ ไอคอน หลายราย ส่วน สคบ. อะไรที่ตรวจสอบแล้วเห็นถึงความถูกผิดปกติ อย่างเรื่องโล่รางวัล ที่ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ก็ยึดคืนทันที ซึ่งยืนยันว่าเราทำงานอย่างเต็มที่
เมื่อถามย้ำถึงเหตุผลที่ถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะกลัวทนายของบอสพอลฟ้องกลับในมาตรา 157 ใช่หรือไม่ น.ส.จิราพร ยอมรับว่าใช่ พร้อมกล่าวว่า ถึงแม้จะไม่มีใครขู่ฟ้อง แต่ขั้นตอนของกฎหมายก็มีอยู่ สคบ. ก็เป็นหน่วยงานของราชการ ทำอะไรไปก็พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรอบคอบรัดกุม