เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก  ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาชาวบ้าน ต.นาบัว อ.นครไทย จำนวนกว่า 300 คน คัดค้านประกันตัว นายก อบต.นาบัว พร้อมพวกอีกจำนวน 15 คน ซึ่งเป็นญาติพี่น้องของนายก อบต.นาบัว เกี่ยวกับความผิดโครงการเกี่ยวกับการออมเงินมาหลอกลวงชาวบ้านในพื้นที่ จ.พิษณุโลก มีการเสนออัตราค่าตอบแทนต่อปีสูงถึง 15% ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อจำนวนมาก ชักชวนกันเปิดเป็นธนาคารชุมชนกันหลายตำบลหลายอำเภอ สุดท้ายไม่ได้เอาเงินไปลงทุนก็ทำให้ระบบถอนเงินกันไม่ได้ มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท จนชาวบ้านไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ จนมีการสืบสวนขยายผลของตำรวจ ก่อนศาลจะอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและสามารถจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ในเวลาต่อมาทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการติดต่อทนายเพื่อนำหลักทรัพย์มายื่นขอประกันตัว วงเงินสูงประมาณ 25 ล้านบาท ตามระเบียบหลักเกณฑ์ ตร. ไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ของทุนทรัพย์ความเสียหาย เพราะคดีนี้มีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่หลายร้อยล้านบาท เนื่องจากกระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยการโฆษณา หรือประกาศ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปในการรู้ยังบุคคลใดจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงินในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงิน ตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ ซึ่งตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบ แทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้น และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้เงินไป

ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ความจริงแล้วเดินทางมาติดตามคดีนี้ตั้งแต่เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา วันนี้เราพาชาวบ้านค้านประกันตัวและหวังให้ขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการคนอื่นที่เกี่ยวข้อง และทำการยึดอายัดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน เรื่องนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาประมาณ 3 ปีแล้ว และพยายามร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดพิษณุโลกหลายหน่วยงานแต่ก็ไม่คืบหน้า แต่วันนี้ได้มีการจับกุมตัวแล้วนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีก็ต้องจับตาดูต่อ ว่าจะไปถึงไหน เงินความเสียหาย ณ ตอนนี้ที่แสดงตน 1,400 คน ยอดเงินที่ได้รับความเสียหายประมาณเกือบ 500 ล้านบาท แต่ไม่มีใครออกมายอมรับว่าเงินหมุนเวียนนับ 1 พันล้านบาท มีที่ยังไม่ได้แจ้งความอีกเยอะ ระบการฝากเงินก็ทำไม่เรียบร้อย ไม่สามารถเช็กยอดเงินได้ว่าที่แท้จริงยอดเท่าไหร่กันแน่ ที่สำคัญมีการข่มขู่ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้เสียหาย ตลอด 3 ปี วันนี้เรื่องแดงออกมาขนาดนี้ ผู้เสียหายเยอะขนาดนี้ วงเงินความเสียหายไม่ใช่น้อย เชื่อว่าต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลังต้องมีเทวดาที่หนุนอยู่ข้างหลัง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เรื่องไม่คืบหน้า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มันต้องมีคนอยู่ข้างหลังจากนี้จะรวบรวมข้อมูลส่ง ปปง.เพื่อทำการอายัดทรัพย์ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการบอกเล่าของชาวบ้านที่นำเงินไปฝาก ทราบว่าบางคนนำเงินไปฝากตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน ครั้งละ 500 ครั้งและ 1 พันบาท  เพราะเวลาถอนมองว่าจะได้ไม่ต้องเข้าตัวเมือง สะดวกดี ดอกเบี้ยก็ดี ตอนนั้นดอกร้อยละ 15 อยากออมไว้กินตอนแก่ แต่สุดท้ายก็ถอนออกมาไม่ได้

ด้านนายไสว เจริญศรี นายอำเภอนครไทย กล่าวว่า  นายก อบต.นาบัว ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชนธนาคารหมู่บ้าน และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนั้น ทางอำเภอนครไทย ตั้งกรรมการสอบสวนวินัย นายก อบต.นาบัวแล้ว และนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เพื่อพิจารณาดำเนินการ สำหรับความเสียหายของชาวบ้านในอำเภอนครไทยนั้น เบื้องต้นมีผู้เสียหายมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท มีการฟ้องร้องดำเนินคดีธนาคารหมู่บ้านในลักษณะเดียวกันนี้จำนวน 8 แห่ง ส่วนอีก 2 แห่งที่ดำเนินการลักษณะเดียวกันยังไม่มีการฟ้องร้อง ทางอำเภอก็ได้พยายามช่วยเหลือชาวบ้านผู้เสียหาย ทั้งในเรื่องการประสานงานติดต่อในเรื่องคดีความ

เบื้องต้นนายอัครโชติ สุวรรณโชติ ปลัดจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนายไสว เจริญศรี นายอำเภอนครไทย  ได้มารับหนังสือจากชาวบ้าน พร้อมทั้งประชุมแกนนำผู้เสียหาย เพื่อเตรียมช่วยเหลือประชาชนที่ยังได้ไม่แจ้งความอีกครั้ง

ขณะที่ พ.ต.อ.สมบูรณ์ สีแดง ผกก.สภ.นครไทย กล่าวว่า ตอนนี้ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด 15 ราย และคาดว่าจะมีการแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องอีกเร็วๆ นี้

จากนั้นทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมชาวบ้านจะได้เดินทางไปคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดที่ศาลจังหวัดพิษณุโลกต่อไป