เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 67 ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบึงกาฬ นำโดย พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ลักลอบนำยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ผ่านพื้นที่บ้านห้วยดอกไม้ ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และนำกำลังดักซุ่มตามพื้นที่ต่างๆ และลาดตระเวนตรวจสอบตามชายฝั่งริมแม่น้ำโขง จากทางทิศใต้ของหมู่บ้าน
ปรากฏว่าพบกระสอบสีขาววางอยู่ริมแม่น้ำโขง จำนวน 11 กระสอบ ห่างจากปากห้วยดอกไม้ ประมาณ 300 เมตร ซึ่งน่าเชื่อว่าจะเป็นยาเสพติดที่กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดนำมาวางไว้ เพื่อรอส่งต่อให้กลุ่มขบวนการขนส่งยาเสพติด จึงประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทั้งตำรวจ สภ.เมืองบึงกาฬ ฝ่ายปกครอง ทหารชุดสกัดกั้นยาเสพติด กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ตำรวจ ตชด.244 ทหารเรือ นรข.บึงกาฬ ทหารพรานที่ 2108 กระจายกำลังออกดักซุ่มรอบๆ หมู่บ้าน จนเที่ยงคืนไม่พบรถยนต์ หรือบุคคลคนต้องสงสัยผ่านเข้าออก และมายังจุดพบวัตถุต้องสงสัย จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบกระสอบ
โดยวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว พบเป็นกระสอบปุ๋ยสีขาวเหลืองเขียว มีข้อความภาษาลาว อ่านว่า อาหารสำเร็จรูปหมูอนุบาล ด้านในพบซองบรรจุเกล็ดผลึกสีขาว บรรจุอยู่ในห่อพลาสติกสีเขียว 1 ก้อน น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม เชื่อได้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือไอซ์) จึงได้ทำการตรวจยึดและได้ขนย้ายมาตรวจสอบที่กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดบึงกาฬ
ต่อมาประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ เข้าตรวจสอบเกล็ดผลึกสีขาว ที่เชื่อว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือไอซ์) ด้วยตรวจหาสารเสพติดเบื้องต้น แต่ไม่พบว่าก้อนวัตถุต้องสงสัย ที่เชื่อว่าเป็นยาไอซ์นั้น ไม่พบสารเสพติด หรือเมทแอมเฟตามีน จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจในห้องแล็บอีกครั้ง และสรุปว่าเป็นยาไอซ์จริง
จากนั้น นายนคร ศิริปริญญานันท์ รอง ผวจ.บึงกาฬ นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัด พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ แก้วสมนึก รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.อ.สุระชัย มีหอม รอง ผอ.รมน.จังหวัดบึงกาฬ นายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.บึงกาฬ ร่วมกันแถลงข่าวฯ ที่หน้า สภ.เมืองบึงกาฬ เป็นยาไอซ์จำนวน 285 ก้อน ก้อนละประมาณ 1 กิโลกรัม รวม 285 กิโลกรัม มูลค่าคาดว่าประมาณ 285 ล้านบาท
โดย พ.ต.อ.ศุภกฤษ ทองลิ่ม ผู้กำกับการตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า หลังจากใช้ชุดตรวจหาสารเสพติดในเบื้องต้นไม่เจอค่าเมทแอมเฟตามีนอยู่ในของกลาง จึงเก็บตัวอย่างส่งเข้าตรวจอย่างละเอียดในห้องแล็บของตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จนทราบผลอย่างชัดเจนว่ามีเมทแอมเฟตามีนหรือสารเสพติดอยู่ในของกลางจริง แต่มีจำนวนน้อยมากคือ 30% ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องมี 90% และในจำนวนของกลางทั้ง 11 ถุง พบว่าค่าเมทแอมเฟตามีนหรือสารเสพติดไม่เท่ากัน ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นยาไอซ์ แต่เกรดต่ำ คุณภาพไม่ดี ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยเจอยาไอซ์แบบนี้ในพื้นที่ชายแดน และหีบห่อที่บรรจุมาก็มีกระดาษก๊อบปี้ห่อหุ้มไว้ด้วย ซึ่งต่อไปก็ต้องปรับรูปแบบแนวทางในการทำงาน ทั้งการป้องกันและตรวจสอบให้ละเอียดมากขึ้น.