สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ว่านายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีกา ว่าด้วยการขยายขอบเขตของหลักนิยมการใช้นิวเคลียร์ ซึ่งเปสคอฟกล่าวว่า “มีความจำเป็น” เนื่องจาก “ความก้าวร้าวของรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์” ซึ่งได้รับความสนับสนุนจาก “ชาติที่เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์”
เปสคอฟกล่าวว่า พฤติการณ์ดังกล่าวถือเป็น “การโจมตีร่วม” หมายความว่า ประเทศหนึ่งในประเทศใดจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) สนับสนุนการโจมตีลักษณะนี้ รัฐบาลมอสโกถือว่า “เป็นการโจมตีโดยตรงจากทั้งนาโต”
ดังนั้น รัสเซียจึงต้อง “ปรับตัวและเตรียมความพร้อม” อย่างไรก็ดี โฆษกทำเนียบเครมลินเน้นย้ำว่า การที่รัฐบาลมอสโกมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ “ป้องกันตัวเอง” และ “เพื่อป้องปราม” เท่านั้น
❗️ Vladimir Putin approved an updated nuclear deterrence policy by presidential decree
— RT (@RT_com) November 19, 2024
Any attack by a nation in a military bloc will be considered an attack by the entire bloc pic.twitter.com/0mPjs4ygce
ทั้งนี้ ผู้นำรัสเซียเสนอแก้ไขหลักนิยมการใช้นิวเคลียร์ของประเทศ เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึง การพิจารณาการโจมตีของ “ประเทศที่ไม่ใช่รัฐนิวเคลียร์” แต่ได้รับความสนับสนุนจาก “มหาอำนาจนิวเคลียร์” ถือเป็น “การโจมตีร่วมกัน” โดยทั้งสองฝ่าย
ขณะเดียวกัน รัสเซียจะพิจารณา “ความเป็นไปได้” ของการใช้งานอาวุธนิวเคลียร์ หากฝ่ายความมั่นคงและข่าวกรองตรวจพบ ว่ากำลังมีการเตรียมการใช้ขีปนาวุธ อากาศยาน และอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ในระดับที่ถือเป็น “ภัยคุกคามอย่างมีนัยสำคัญ” ต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซีย
นอกจากนี้ ปูตินเน้นย้ำว่า กองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซีย “มีความสำคัญที่สุด” ในการเป็นหลักประกันด้านความปลอดภัยและความมั่นคง ให้กับรัฐและประชาชน
อนึ่ง “เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส” และ “เดอะ วอชิงตัน โพสต์” เป็นสื่อใหญ่สองแห่งแรกของสหรัฐ ที่รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ อนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้อาวุธโจมตีที่มีพิสัยทำการระยะไกล ซึ่งได้รับจากสหรัฐ เพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย หลังรัสเซียรับความสนับสนุนทางทหารโดยตรงจากเกาหลีเหนือ ที่รวมถึง ทหารราว 11,000 นาย
ยูเครนเรียกร้องมานาน ขอให้สหรัฐอนุญาตอย่างเป็นทางการ ในการใช้ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีระยะทำการไกล “อะแทคซิมส์” (Army Tactical Missile System – ATACMS) รุ่นใหม่ ที่มีพิสัยทำการระยะไกลถึง 300 กิโลเมตร เพื่อโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย ปัจจุบัน กองทัพยูเครนใช้งานระบบอะแทคซิมส์ระยะใกล้ของสหรัฐ ที่มีพิสัยทำการประมาณ 165 กิโลเมตร.
เครดิตภาพ : AFP