เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 67 ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย จำนวน 39 ล้านบาท ว่า การรวบรวมพยานหลักฐานคืบหน้าไปมาก และได้พยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง แต่คดีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน สังคมจับตามองการดำเนินการของตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความรอบคอบ ยึดข้อเท็จจริงเป็นหลัก และอาจจะต้องเรียกสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมอีกหลายปาก เพื่อให้ความกระจ่างชัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานกับพนักงานสอบสวน บก.ป. ที่ผ่านมานั้น พบว่า ข้อมูลที่พนักงานสอบสวนได้รับค่อนข้างเป็นประโยชน์กับรูปคดีอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการติดเครื่องจีพีเอสในรถของ น.ส.จตุพร และเรื่องขบวนการวางแผนตั้งนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งขณะนี้ชุดคลี่คลายคดี บก.ป. กำลังให้ความสนใจตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยเตรียมประสานติดต่อไปยัง น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย มาเข้าพบ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับทั้ง 2 เรื่องนี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ขณะนี้ เชื่อว่าการหลอกลวงเงินเจ๊อ้อย ของนายษิทรา นั้น มีการวางแผนทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งมีผู้เข้าข่ายถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 1-2 ราย แต่ทั้งนี้ชุดคลี่คลายคดีค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิด ทนายตั้ม กับพวก ได้อย่างแน่นอน โดยในวันที่ 21 พ.ย. นี้ ชุดคลี่คลายคดีได้นัดประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีอีกครั้ง คาดว่าจะมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น.