เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา เทสลา อิงค์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐ ตัดสินใจถอนซอฟต์แวร์รุ่นเบต้า ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Full Self-Driving : FSD) ออกจากรถยนต์ของบริษัทหลายรุ่น ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวและปล่อยให้ทดลองใช้งานยังไม่ทันข้ามวัน หลังจากผู้ใช้งานร้องเรียนเรื่องระบบเตือนการชนที่ผิดพลาดและปัญหาอื่น ๆ

เหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่เทสลากำลังอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียดตามข้อบังคับด้านความปลอดภัยของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบกึ่งอัตโนมัติซึ่งมีชื่อเรียกว่า FSD

“เห็นว่ามีปัญหาบางจุดกับ 10.3 ก็เลยกลับไปที่เวอร์ชัน 10.2 ชั่วคราว” อีลอน มัสก์ ประธานบริหารของเทสลา โพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขายังโพสต์ด้วยว่า นี่เป็นสิ่งที่คาดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นกับซอฟต์แวร์รุ่นเบต้า เนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทดสอบค่ากำหนดของฮาร์ดแวร์ทุกตัวในทุกสถานการณ์ด้วยระบบประกันคุณภาพภายใน นี่เป็นเพียงซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นรุ่นทดลองสำหรับคนทั่วไปที่อยากลองใช้

เทสลาเปิดตัวระบบผู้ช่วยคนขับรุ่นใหม่และปล่อยให้ใช้ได้ในรถบางรุ่นของเทสลา เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยบริษัทอ้างว่ามีการปรับปรุงใหม่หลายจุด ต่อมาในวันรุ่งขึ้น มัสก์ ก็โพสต์แจ้งว่าอาจเลื่อนการเปิดตัวออกไปอีกวัน

“พบการถดถอยขณะรถเลี้ยวซ้ายที่แยกไฟแดงในระบบประกันคุณภาพภายในของเวอร์ชั่น 10.3 กำลังแก้ไข อาจจะปล่อยออกมาใหม่พรุ่งนี้” เขาโพสต์ลงทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์

ในคลิปวิดีโอของคนที่ใช้ซอฟต์แวร์รุ่นเบต้าโพสต์ไว้ พบว่า รถยนต์ของเทสลาที่ใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่น 10.3 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด มีการแจ้งเตือนการชนซ้ำ ๆ ทั้งที่ไม่มีสัญญาณของความเสี่ยงที่จะเฉี่ยวชนแบบปัจจุบันทันด่วน คนขับรถเทสลาบางคนโพสต์ลงโซเชียลมีเดียว่า รถเบรกเองโดยไม่มีเหตุผล บางคนพบว่าซอฟต์แวร์รุ่นเบต้าหายไปเลย หลังจากเจอปัญหาซ้ำซ้อน

หลังจากถอนซอฟต์แวร์ออกไป ณ ตอนนี้ ทั้งเทสลาและมัสก์ยังไม่มีการให้ข่าวเรื่องวันเปิดตัวซอฟต์แวร์ครั้งใหม่

อนึ่ง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารความปลอดภัยทางการจราจรบนทางหลวงสหรัฐ (The National Highway Traffic Safety Administration) เปิดการสืบสวนอย่างเป็นทางการเรื่องความปลอดภัยของระบบขับเคลื่อนรถยนต์อัตโนมัติของเทสลาในรถยนต์ 765,000 คันในสหรัฐ หลังจากเกิดเหตุเฉี่ยวชนหลายครั้งระหว่างรถของเทสลาและรถฉุกเฉิน

เครดิตภาพ : Reuters