เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ สภ.บางใหญ่ นางศุภิสรา ทองสา หรือ “ป้าหมาย” อายุ 59 ปี อาชีพขายอาหารตามสั่ง เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 67 เวลาประมาณ 06.45 น.ว่า ตนได้ขี่รถจักรยานสีชมพู (สภาพเก่า) มาจอดไว้บริเวณริมทางเท้าติดกับตลาดบางใหญ่ซิตี้ เพื่อเข้าไปซื้อของมาทำกับข้าวขาย หลังจากซื้อของออกมารอบแรกเอาปลาดุกเค็ม 4 ตัว กับปลานิล 2 ตัว ไว้ที่ตะกร้าหน้ารถ ก่อนกลับเข้าไปในตลาดเพื่อที่จะเอาไก่และผักที่สั่งไว้ พอออกมาอีกรอบรถจักรยานหายไปแล้ว เดินหาหลายรอบก็ไม่เจอมั่นใจว่าโดนขโมยแน่
เพราะเคยโดนมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ยังจับตัวคนขโมยไม่ได้ จึงไปขอดูกล้องวงจรปิดของตลาด พบว่าคนร้ายเป็นผู้ชาย สวมเสื้อสีดำ กางเกงยีนขายาว สวมหมวก ใส่แมสก์ สวมรองเท้าแตะ ขี่จักรยานออกไปด้วยความเร็ว เป็นจักรยานสีชมพูมีสภาพเก่าแล้ว ถ้าขโมยเอาไปขายคงได้แค่ 400-500 บาท เท่านั้น ตนรู้สึกแค้นใจมากจึงตั้งรางวัลนำจับ หากใครพบเบาะแสหรือจับตัวคนขโมยได้พร้อมจักรยานของตนจะมอบเงินรางวัลให้ 5,000 บาท

“…ป้าเคยถูกขโมยจักรยานไปแล้วคันหนึ่งที่ตลาดบางใหญ่เมื่อช่วงเดือน เม.ย. 67 โดยคันแรกเป็นจักรยานสภาพใหม่ซื้อมาค่อนข้างแพง เอาไว้ใช้ไปซื้อของจ่ายตลาดเพื่อมาทำกับข้าวขาย โดยครั้งแรกกล้องวงจรปิดจับภาพได้ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันและได้เข้ามาแจ้งความไว้แล้วครั้งหนึ่งแต่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ต่อมามีคนให้จักรยานป้ามาคันหนึ่งเป็นจักรยานทรงผู้หญิงสีชมพูสภาพเก่า แต่ป้าเอามาซ่อม ซื้ออะไหล่มาทำใหม่ เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนขาตั้ง เปลี่ยนอะไหล่หลายอย่างจนสามารถขี่ได้และใช้มาจนถึงปัจจุบัน”

จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 06.45 น. ของวันที่ 20 พ.ย. 67 ตนได้ขี่รถจักรยานคันดังกล่าวไปซื้อของที่ตลาดเพื่อนำกลับมาทำกับข้าวขายตอนเย็น ก็ได้ซื้อปลาดุกเค็ม 4 ตัว และปลานิลตัวละ 1 กก.มาไว้ที่ตะกร้าหน้าก่อน หลังจากนั้นจึงเดินกลับเข้าไปในตลาดเพื่อไปเอาไก่ที่สั่งไว้และผัก ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที พอเดินออกมาก็พบว่าจักรยานของตนหายไปแล้ว ตอนแรกก็ตกใจเดินหาจักรยานตัวเองหลายรอบก็ไม่พบ จึงไปขอดูกล้องวงจรปิดของตลาด ก็พบว่าจักรยานของตนถูกผู้ชายคนหนึ่งลักษณะ ผอม สวมหมวกและเสื้อสีดำ กางเกงยีน ขี่ออกไปจากตลาดด้วยความเร็ว

จักรยานของตนหายไป 2 คันแล้ว และหายที่เดิมด้วย เจ้าหน้าที่ยังตามจับคนร้ายไม่ได้ ไม่รู้ว่าครั้งแรกจะเป็นคนร้ายคนเดียวกันกับครั้งที่ 2 ไหม เพราะเห็นหน้าคนร้ายไม่ชัด จักรยานแบบนี้ถ้าเอาไปขายคงขายได้ประมาณ 400-500 บาท เพราะสภาพมันเก่าแล้ว มูลค่าจักรยานแค่ 500 บาท ตนไม่ได้เสียดายอะไร แต่แค้นใจตรงที่จักรยานคันนี้ตนต้องเอาไว้ใช้ไปซื้อของที่ตลาดเพื่อมาทำกับข้าวขาย อาจจะไม่มีค่าในสายตาคนอื่น แต่กับคนทำมาหากินมันสำคัญถือว่าเป็นเครื่องมือทำมาหากิน หากใครพบเห็นคนร้ายหรือพบจักรยานคันดังกล่าวแล้วช่วยจับตัวส่งตำรวจ ตนยินดีมอบเงินให้ 5,000 บาท เป็นสินน้ำใจรางวัลนำจับโจรคนนี้.