เมื่อวันที่ 20 พ.ย. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตผู้บังคับฝูงบิน F-16 และ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย  กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (สอป.) เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการเสนอพัฒนาขีดความสามารถการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงการพัฒนา UAV เพื่อลดการพึ่งพาต่างประเทศ ว่า การประชุมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการสร้างความโปร่งใส และมุ่งหวังให้โครงการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศในระยะยาว และควรนำไปสู่การสร้างสมดุลระหว่างการตอบสนองความต้องการทางยุทธการของกองทัพ และการส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศ โดยหวังว่าโครงการจัดซื้ออาวุธของกองทัพต่อจากนี้ จะไม่เพียงตอบโจทย์ด้านการป้องกันประเทศ แต่ยังช่วยสร้างงานและเพิ่มขีดความสามารถในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งเท่าที่ติดตามเห็นว่าข้อเสนอของ สมาคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรจะส่งเสริมผลักดันให้เป็นรูปธรรม ซึ่งก็สามารถเริ่มได้ตั้งแต่การจัดหาเครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่ของ ทอ.

“การจัดซื้อเครื่องบินรบใหม่ของไทยใช้งบประมาณสูงถึง 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับเป็นการลงทุนสำคัญที่ต้องมีความรอบคอบ ทั้งในด้านยุทธศาสตร์ ความคุ้มค่า และผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า หากถึงที่สุด เรายังไม่ได้ข้อเสนอที่เหมาะสม คุ้มค่า และเป็นรูปธรรมมากพอ ผมก็ขอเสนอทางเลือกให้ชะลอโครงการจัดซื้อเครื่องบินรบของ ทอ. งบประมาณกว่า 6 หมื่นล้านบาทครั้งนี้ออกไปก่อน และพิจารณาปรับปรุงเครื่องบินรบสู่ยุค 4.5 ที่สามารถพึ่งพาอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่า และตอบโจทย์ความต้องการในระยะสั้น เพื่อรอเงื่อนไขที่คุ้มค่ากว่าในอนาคต.