รัฐบาลประกาศเกณฑ์แจกเงินหมื่นเฟสสองมาแล้ว แจกเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนวันที่ 29 ม.ค.68 หรือก่อนตรุษจีน จะเร่งประกาศผลกลุ่มผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิ 4 ล้านคนได้ในเดือน ธ.ค. รัฐบาลตั้งงบ 40,000 ล้านบาท แต่ใช้จริงอาจไม่ถึง อาจจ่ายแค่ 3 ล้านกว่าคนเท่านั้น “รมช.หนิม จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์”รมช.คลัง กล่าวว่า ส่วนโครงการเฟส 3 ที่จะใช้วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท คาดจะเริ่มช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.68 หลังจากจัดทำและทดสอบระบบดิจิทัลวอลเล็ตเสร็จสมบูรณ์แล้ว กลุ่มนี้จะได้รับเงิน 10,000 บาท เพื่อใช้ผ่านระบบวอลเล็ตเท่านั้น ไม่แจกเป็นเงินสด

“คลังยังประเมินผลการแจกเงิน 10,000 บาท ระยะที่ 1 ผ่านกลุ่มเปราะบาง ถือว่าประสบความสำเร็จ สร้างเม็ดเงินลงในระบบเศรษฐกิจ และมีผลต่อจีดีพีประเทศ โดยเฉพาะคนในกลุ่มเป็นเกษตรกรไทยได้รับเงินไปแล้วกว่า 7 ล้านคนจากจำนวนผู้ที่ได้รับเงินทั้งหมด 14.5 ล้านคน ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 จะเติบโตต่อเนื่อง และคาดว่าทั้งปีจะเติบโตได้ถึง 2.8% ส่วนปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 3%”

รมช.หนิม กล่าวว่า ส่วนโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะจ่ายเงินเท่าไร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีข้อเสนอหลายแบบ เช่น การให้ไร่ละ 500 บาท จำนวน 20 ไร่ หรือให้ไร่ละ 1,000 บาท จำนวน 10 ไร่ สูงสุดจะได้ 10,000 บาทต่อครัวเรือนเท่ากัน ส่วนตัวมองว่าอยากเห็นไร่ละ 1,000 บาท 10 ไร่มากกว่า เพื่อให้คนที่มีที่นาน้อยได้ประโยชน์ รอหารือในคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) และเสนอ ครม. โครงการนี้จะใช้เงิน ธกส. 4 หมื่นล้านบาท เป็นคนละโครงการกับการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท หากเป็นชาวนาที่ขึ้นทะเบียนไว้ถูกต้องก็จะมีสิทธิรับเงินไร่ละพันด้วย

เรื่องวุ่นๆ เกี่ยวกับนักร้องก็มีต่อเนื่อง อย่างมีผู้ไปร้องว่า “อดีตนายกฯแม้ว ทักษิณ ชินวัตร”ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้ช่วยหาเสียงเนื่องจากถือสองสัญชาติ เพราะเคยได้สัญชาติมอนเตเนโกร นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า นายทักษิณมีสัญชาติไทยแน่นอน ทั้งมีการสืบสายโลหิตจากบิดาและมารดาที่เป็นคนไทย และเป็นบุคคลที่เกิดในดินแดนประเทศไทย ส่วนจะมีสัญชาติอื่นหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในอีกหลายประเทศ ที่ไม่มีข้อห้ามเรื่องพวกนี้ และนายทักษิณเอาสัญชาติอื่นมาอีกทำไม

รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าวถึงกรณีวันที่ 22 พ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงว่า จะพิจารณารับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ที่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวหาว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก ฯ และพรรคเพื่อไทยร่วมกันกระทำการล้มล้างระบอบการปกครองฯ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องหรือไม่ แต่ยืนยันไปแล้วว่าไม่มีพฤติกรรมเข้าเกณฑ์ล้มล้างการปกครอง มีการคุยกันเพียงแค่เรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล แล้วจะล้มล้างการปกครองได้อย่างไร ทราบว่าอัยการสูงสุด ( อสส.) ก็มีความเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เข้าเกณฑ์ล้มล้างการปกครองเช่นเดียวกัน

เมื่อถามอีกว่าการที่ อสส.มีความคิดเห็นเช่นนี้ทำให้ทางพรรคเพื่อไทยรู้สึกใจชื้นบ้างหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็รู้อยู่แล้วว่าข้อกฎหมายนั้นมันไปไม่ได้ หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณา ก็ต้องดูกันอีกว่าจะฟ้องกลับนายธีรยุทธหรือไม่ ส่วนตัวไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องนิติสงครามฟ้องกันไปฟ้องกันมา

สำหรับข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายก ฯ อาจจะเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือน เม.ย. 2568 นายชูศักดิ์บอกว่าไม่ทราบรายละเอียด คงจะเป็นกระบวนการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะแล้วเสร็จก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเข้าสภาได้เมื่อไร แต่คิดว่าคงไม่เสร็จโดยง่าย

การเลือกนายก อบจ.อุดรธานีมีประเด็นให้พูดถึงได้เรื่อยๆ คราวนี้มีดราม่าในพรรคไทยสร้างไทย ( ทสท.) นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรค ทสท. โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี พรรค ทสท. ขึ้นเวทีช่วยหาเสียงช่วย “ป๊อบ ศราวุธ เพชรพนมพร”ผู้สมัครนายก อบจ.จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งขัดมติพรรคและอาจขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง เป็นการกระทำที่ขัดจริยธรรมและหลักการของพรรค ดังนั้นคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรคจะเรียกนายอดิศักดิ์ให้เข้ามาชี้แจงต่อไป

“ส่วนกรณีที่คณะกรรมการวินัยและจริยธรรมพรรคไทยสร้างไทยตรวจสอบ นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร พรรค ทสท. ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรค กก.บห.พรรค เตรียมนำส่งหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อนางสุภาพรอย่างถึงที่สุด จากการจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริตต่อหน้าที่ซึ่งเชื่อได้ว่า อาจได้รับผลประโยชน์จากพรรคการเมืองอื่นหรือหัวหน้าพรรคการเมืองอื่น”นายปริเยศ กล่าว

ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ ที่พรรคการเมืองเลือกจัดการ สส.งูเห่าวิธีนี้ แทนการมีมติพรรคขับออกเพื่อให้ไปหาพรรคใหม่อยู่ใน 30 วัน ..เรียกว่า “จัดการถึงขั้นตัดอนาคตทางการเมือง” หากนางสุภาพรลาออกเอง จะสิ้นสภาพ สส.ทันที เพราะตามรัฐธรรมนูญ สส.ต้องสังกัดพรรค

กฎหมายที่สาละวนกันอยู่ไม่รู้แล้ว คือ กฎหมายนิรโทษกรรม และกฎหมายประชามติ นายนิกร จำนง เลขานุการ กมธ. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองจะให้ใช้เสียงข้างมากชั้นครึ่ง คือมีผู้มีมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีจำนวนเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง ( สว.ให้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียง ) เพื่อให้เจอกันตรงกลาง

“ขณะนี้มีการท้ากันว่าการทำประชามติออกไป180วันก็ไม่เป็นไร แต่ผมยืนยันว่าเป็นปัญหา เพราะจะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญไม่เสร็จในรัฐบาลนี้ จึงคิดกันว่า ขอแค่ให้ได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็ยังดี เพราะสภาเหลือเวลาอีก 2 ปี หากมีความขัดแย้ง แล้ว สส.ยืนตามของตัวเอง จะมีปัญหาต้องรอไปอีก180 วัน พอออกเป็นกฎหมายประชามติ กกต.ต้องไปออกกฎหมายลูกอีก1เดือน รวมเป็น 7 เดือน พอกฎหมายเริ่มดำเนินการ ครม.ออกเป็นมติ ใช้เวลาอีก 100 วันถึงจะทำประชามติครั้งแรกได้ ก็หมดปี 68 แล้ว แถมต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 หรือ 67 เสียงเพื่อผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.256”

ภายหลังการประชุม กมธ. นายกฤช เอื้อวงศ์ สว. โฆษก กมธ. แถลงผลการประชุมกมธ.ว่า ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 13 ต่อ 9 งดออกเสียง 3 จากผู้เข้าประชุมทั้งหมด 25 คน ให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญตามที่ สว.แก้ไขมาคือประชามติ 2 ชั้น เชื่อว่าสภาผู้แทนราษฎรคงไม่เห็นด้วยกับการใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น จะยับยั้งแน่ คาดว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกพักไว้ 180วัน วันที่ 6 ธ.ค.จะส่งร่างกฎหมายกลับไปให้แต่ละสภา คาดว่าวันที่ 18ธ.ค.จะเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. กล่าวว่า สำหรับเหตุผลที่กมธ.ในซีกของ สว.คงไว้ซึ่งเสียงข้างมาก 2ชั้น เพราะเห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นจะต้องมีประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ

นายกฤช เอื้อวงศ์ สว. กล่าวว่า ตัวแทนทางไปรษณีย์ยืนยันมีความพร้อมการทำประชามติผ่านทางไปรษณีย์ว่าสามารถทำได้ มีวิธีการจะให้ประชาชนมายืนยันตัวตนที่ไปรษณีย์ในเขตนั้นๆ จากนั้นก็จะลงมติที่ไปรษณีย์ ดูแล้วเป็นช่องทางที่สามารถป้องกันการลงคะแนนแทนกันได้ เพราะต้องใช้บัตรประชาชนมายืนยันตัวตนที่ไปรษณีย์ก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายการทำประชามติผ่านไปรษณีย์ทราบว่า อยู่ที่ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ตัวแทน กกต.บอกว่า จะรับไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้งว่าจะดำเนินการหรือไม่

สำหรับเสียงข้างมาก 13 เสียงที่ลงมติให้ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น ในการทำประชามติ เป็นกมธ.ฝั่ง สว.ทั้งหมด ส่วนเสียงข้างน้อย 9เสียง เป็น กมธ.ฝั่ง สส. ขณะที่เสียงงดออกเสียง 3คะแนนนั้น เป็นของประธานกมธ.ในที่ประชุม และสส.ภูมิใจไทย 2 คนคือ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง เช่นนี้แล้ว อาจเริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่า ภูมิใจไทยไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเคยถอนเรื่องแก้รายมาตรามาแล้ว

สำหรับความคืบหน้าในคณะกรรมการร่วมเทคนิค ( JTC ) เพื่อเจรจาบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในไหล่ทวีป ( MOU2544) “ทูตปู” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวเพียงว่า ขณะนี้กำลังรอการพิจารณาอยู่ อาจมีเพิ่มบุคคลบ้าง แต่ยังไม่เรียบร้อย แต่จะเสนอรายชื่อกรรมการต่อที่ประชุม ครม.ให้เร็วที่สุด

ที่กองทัพเรือ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวว่า เมื่อมีกระแสสังคมถึง MOU44 กองทัพเรือในฐานะหน่วยงานทางเทคนิคที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนทางทะเล คือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ เตรียมจัดงานเสวนาในเรื่องนี้ ในเรื่องเส้นเขตแดนในทะเลและข้อตกลง-ข้อขัดแย้งต่างๆ วันที่ 3 ธ.ค. ที่เปิดให้ผู้สนใจทั่วไปเข้ารับฟังได้ อีกทั้งแบ่งวงเสวนาให้ความรู้เรื่องการเจรจาข้อตกลงต่างๆอีกด้วย เพื่อสื่อสารให้สังคมเข้าใจ ว่าการเจรจาตกลงมีรูปแบบใดบ้าง รวมถึงกระบวนการเข้าสู่ศาลโลกที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายทางทะเล

“การตั้งกรรมการ JTC ถ้านายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นายกฯและรมว.กลาโหม ร้องขอตัวแทนจากกองทัพเรือไปร่วมก็ยินดีสนับสนุน เจ้าหน้าที่กรมอุทกศาสตร์ จะมีความรู้ในเรื่องทางเทคนิค แต่ถ้าเป็นเรื่องกฎหมายก็จะเป็นสำนักพระธรรมนูญ กองทัพเรือ” ผบ.ทร.กล่าว

พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า ยืนยันการเดินหน้าโครงการจัดหาเรือฟริเกต 2 ลำ ในงบประมาณปี 2569 คือความจำเป็นที่เราต้องจัดหาเพิ่มเติม เพื่อให้มีกำลังรบพอเพียงในอนาคตข้างหน้า แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เราจะได้รับด้วย เพราะราคาค่อนข้างสูงจึงต้องค่อยๆทยอยซื้อ คาดว่าในระยะที่ 1 จะจัดหาครั้งละ 2 หรือ 3ลำ และพักไปอีกสักระยะหนึ่งค่อยจัดหาเพิ่มเติมใหม่อีก 2-3 ลำ การจะซื้อ 2-3 ลำ ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณปี 69 ที่จะได้รับการจัดสรร

“เตรียมไว้ 2 แผน ได้แก่ แผนที่ 1.คือมีเรือฟริเกต 2 ลำแน่ๆ เป็นตัวยืนพื้นของงบปี69 ส่วนเรือดำน้ำจะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ ครม. แผนที่ 2.คือในกรณีไม่ได้เรือดำน้ำ ก็จะเสนอเรือฟริเกต 3 ลำ ถ้าได้เรือดำน้ำก็จะหยุดเรือฟริเกตไว้แค่ 2 ลำ การจัดซื้อเรือฟริเกต เราอยากให้ผู้ประกอบการต่อเรือในประเทศมีส่วนร่วม ต้องดูศักยภาพอู่ในประเทศ”

ก็มีทางออกเรื่องไม่ได้เรือดำน้ำ คือเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต ขณะนี้ยังเจรจากันอยู่เนื่องจากเรือดำน้ำที่จะได้ขัดกับสเปคที่ไทยจะได้ ที่ขอเครื่องยนต์เยอรมันไป แต่ทางเยอรมันไม่ให้จีนมาประกอบ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง

ปิดท้ายที่เรื่อง“นายกฯอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร ได้วางกำหนดการแถลงผลงานของรัฐบาลรอบ 100 วัน ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ โดยอยู่ระหว่างการวางรูปแบบการแถลงซึ่งอาจแตกต่างจากเดิม.

“ทีมข่าวการเมือง”