เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนในฐานะประชาชนมองว่า กรณีที่คณะกรรมาธิการร่วมฯ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ มีมติ 13 ต่อ 9 ให้คงใช้หลักการใช้เสียงข้างมากสองชั้นในการทำประชามติ ตามมติของ สว. กล่าวคือ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติมากกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีคะแนนเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ซึ่งตนมองว่าบ้านเมืองเดินมาไกล ประชาชนรู้เท่าทันกันหมดแล้วว่าพรรคใดมีความจริงใจในการที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ก็อยากเปลี่ยนแปลงกติกาที่มีผลพวงมาจากการรัฐประหาร

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ประชาชนตื่นตัวกันเยอะ ตนเห็นว่าไม่ควรกังวลเรื่องกฎหมายประชามติมากเกินไป ควรเริ่มกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเลยจะดีกว่า จะแก้ทั้งฉบับโดยยกเว้นหมวด 1 หมวด 2 ก็ควรเริ่มเลย ไม่ต้องมารีรอกันแล้ว มัวมาทำแต่เรื่องกฎหมายประชามติ จะเสียเวลาไปถึงไหนกัน เพราะยังไงประชาชนก็จะออกมาลงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้อยู่แล้ว ตนเชื่ออย่างนั้น การอ้างถึงความจำเป็นที่ต้องการให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด อยากให้มีส่วนร่วมในการออกเสียงประชามติก็พอฟังได้ แต่คิดว่าคนที่เขารอคอยรัฐธรรมนูญใหม่ เชื่อสิ่งที่ท่านอ้างหรือเปล่า

“สำหรับผมเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยสูง จะพรรคร่วมรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็คงไม่มีใครอยากที่จะใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ประชาชนรอไม่ได้แล้ว รีบกันหน่อย ชาวบ้านรออยู่ กว่าจะได้ ส.ส.ร. กว่าจะแก้โน้นนี่นั่น มันจะทันได้ใช้ก่อนเลือกตั้งครั้งหน้าหรือเปล่า อยากให้เห็นใจประชาชนด้วย อย่าเอากฎหมายมาเป็นปัญหา ส่วนตัวตนต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเป็นรัฐธรรมนูญที่กินได้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจสังคมการเมืองได้จริง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรยุติเรื่องความขัดแย้งหรือเห็นต่าง ควรมองไปที่ประชาชนที่หิวโหยประชาธิปไตย เขาเตรียมมือรอโหวตแก้กันอยู่ อย่าไปคิดแทนประชาชนว่าจะไม่ออกมาใช้สิทธิ อยากให้เริ่มนับหนึ่งกันได้แล้ว ให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนทั้งประเทศ” นายพร้อมพงศ์ กล่าว